พศ. ยังไม่ชี้ชัดแก้ปัญหาจัดการทรัพย์สินวัด ยันไม่มีกฎหมายให้อำนาจเข้าไปตรวจสอบได้ ทำได้เพียงรับเรื่องรายงานมหาเถรฯรับทราบ ระบุ หากพบเจ้าหน้าที่ พศ. เอี่ยวทุจริตเงินวัดพื้นที่สงขลา ลงโทษทางวินัยร้ายแรง
วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จ.นครปฐม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อมพรฺมหาเถร) เสด็จทรงเป็นประธานการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 15/2560 โดยมี พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เลขาธิการมหาเถรสมาคม เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดย พ.ต.ท.พงศ์พร เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ตามที่ตนได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า พล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ ประธานคณะกรรมาธิการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะเข้ากราบทูลถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราช และกรรมการ มส. พร้อมจะหารือ พศ. ในเรื่องการจัดการทรัพย์สินวัดด้วยนั้น ทาง พล.ต.อ.พิชิต ได้ทำหนังสือแจ้งมาทาง พศ. ว่า จะเข้าสักการะ มส. ในวันที่ 20 มิ.ย. นี้แทน สำหรับการประชุม มส. วันนี้ไม่ได้การหารือเกี่ยวกับเรื่องการจัดการทรัพย์สินวัดแต่อย่างใด
ผอ.พศ. กล่าวต่อว่า ขณะนี้คณะสงฆ์ยังไม่มีสัญญาณอะไรออกมาเกี่ยวกับเรื่องการแก้ปัญหาการจัดการทรัพย์สินของวัด แต่ทาง พศ. อาจจะมีการติดต่อประสานงานหารือกับพระมหาเถระในกรรมการ มส. ก็เป็นไปได้อีกทางหนึ่ง ส่วนที่ กมธ. ศาสนา จะมาพบ มส. และเรื่องการจัดการทรัพย์สินวัดถือเป็นประเด็นร้อนในสังคม ก็จะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะมีการหารือเรื่องดังกล่าวได้ ส่วนระบบการจัดการบัญชีทรัพย์สินของวัดที่ใช้ในขณะนี้ยังยึดกฎกระทรวงศึกษาธิการฉบับที่ 2 พ.ศ. 2511 ออกตาม พ.ร.บ. คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 โดยเจ้าอาวาสเป็นผู้จัดการ ไวยาวัจกร เป็นผู้ทำบัญชี และเงินเกิน 3,000 บาท ต้องฝากไว้ที่ธนาคารในนามของวัด ซึ่งมติ มส. ปี 2558 ให้วัดส่งรายงานบัญชีทรัพย์สินปีละ 1 ครั้ง ตามที่พศ. กำหนด พศ. ก็ได้กำหนดเป็นบัญชีรับจ่ายอย่างง่าย ผลการรายงานบัญชีทรัพย์สินวัดประจำปี 2559 จาก 40,000 วัด รายงานมาแล้ว 39,000 วัด
“พศ. ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบบัญชีวัด เพียงแต่มีหน้าที่รับรายงานข้อมูลเป็นตัวเลขเพื่อรายงานต่อ มส. เท่านั้น ในขณะนี้ก็ยังไม่มีกฎเกณฑ์ในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของวัด แต่ที่จะตรวจสอบวัดได้ก็ต้องเป็นพระ ส่วนกรณีกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ บก.ปปป. มีการออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการทุจริตเงินวัดนั้น เรื่องดังกล่าวเป็นการรับเงินทอนบูรณะวัดซ่อมแซมวัด จากที่ได้ยินมากรณีที่เกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลา มีการโอนเงินอุดหนุนจาก พศ. ไปที่วัดและมีบุคคลไปรับคืนมาจากวัด ตัวอย่างเช่น ให้พระใช้ 1 ล้าน บุคคลรับกลับมา 3 ล้าน จึงเรียกว่า การทุจริตเงินทอน เป็นต้น ซึ่งรูปแบบการโอนเงินของ พศ. จะใช้การโอนผ่านบัญชีธนาคารไปยังวัด ผู้ที่จะเบิกถอนได้ก็ต้องเป็นเจ้าอาวาส เมื่อถอนมาแล้วไปคืนให้แก่เจ้าหน้าที่ที่มารับ โดยขณะนี้ทาง พศ. รอผลการสอบสวนหากมีการแจ้งข้อหากัน พศ. จะต้องดำเนินการวินัยต่อเจ้าหน้าที่ของ พศ. อย่างไรก็ตาม ถ้าหากวัดทั่วประเทศมีระบบบัญชีที่มีมาตรฐานก็จะช่วยป้องกันปัญหาดังกล่าวได้ ทั้งนี้ พศ. ยืนยันว่า ถ้าพบว่า เจ้าหน้าที่ของ พศ. ทุจริตก็ต้องดำเนินการทางวินัยร้ายแรง ส่วนในเรื่องของพระที่ถอนเงินจากบัญชีหากพบว่ามีการกระทำผิด ก็ต้องให้พระสังฆาธิการดำเนินการตามพระธรรมวินัย” พ.ต.ท.พงศ์พร กล่าว
นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานศาสนสมบัติ พศ. กล่าวว่า ในปี 2560 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดการปฏิบัติราชการให้ พศ. รวบรวมบัญชีรายรับ - รายจ่ายมาตรฐานของ โดยรอบของปี 2560 จะมีรอบบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 ถึง 30 มิถุนายน 2560 โดยขณะนี้ พศ. ได้ทำหนังสือที่ 0005/01926 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์วัดให้จัดทำบัญชีวัด ถึงเจ้าคณะปกครองทั่วประเทศ พร้อมกับแบบสรุปรายชื่อวัดที่ส่งรายงานทางการเงิน ประจำปี 2560 แบบที่ 1 และแบบสรุปบัญชีรายรับ-รายจ่าย ประจำปี 2560 แบบที่ 2 โดยสำนักงานศาสนสมบัติ ขอให้วัดดำเนินการให้แล้วเสร็จและส่งแบบรายงานดังกล่าวภายในวันที่ 5 กรกฎาคม2560 ซึ่งการแจ้งบัญชีรายรับ รายจ่ายของวัดนั้น ถือว่า ดำเนินการมาตามปกติ แต่ในปีนี้ การดำเนินการจะถือว่า เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญ อยากให้ประชาชนเข้าใจด้วยว่า วัดไม่ได้มีแต่เพียงรายรับอย่างเดียว วัดก็มีรายจ่ายที่มากทั้ง ค่าน้ำ ค่าไฟ การจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ สาธารณะสงเคราะห์ต่างๆ การบริหารจัดการวัดอยู่มาก