ผอ.พศ.หารือ “ออมสิน” พร้อมระบุถ้าจะคุมคุณภาพบัญชีวัดให้เด็ดขาดต้องให้สภาออกกฎหมายดีที่สุด พร้อมรายงานทุจริตเงินอุดหนุนวัด รอตรวจสอบ แจง พศ. พ.ร.บ.งบประมาณปีนี้ได้รับเงินอุดหนุน 4 พันล้าน
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.ท.พงศ์ธร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลังเข้าพบนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่ามีการหารือเรื่องสำคัญ คือ กรณีทุจริตเงินอุดหนุนวัด โดยข้าราชการระดับสูงใน พศ.และผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้เปิดเผยทรัพย์สินของวัด โดยเรื่องการเปิดเผยทรัพย์สินของวัดตนได้รายงานให้ทราบว่า พ.ร.บ.คณะสงฆ์กำหนดให้เจ้าอาวาสเป็นผู้แทนวัดมีอำนาจหน้าที่จัดศาสนสมบัติ และมีกฎกระทรวงกำหนดให้เจ้าอาวาสแต่งตั้งไวยาวัจกรทำบัญชีรับ-จ่าย รวมทั้งมติมหาเถรสมาคม (มส.) ที่ขอความร่วมมือวัดให้รายงานบัญชีดังกล่าว ซึ่งนายออมสินรอให้ผู้เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินที่ พศ.จะพิจารณาเอง อย่างไรก็ตาม จากการรายงานมีตัวเลขที่น่าพอใจ โดยปี 2559 จากทั้งหมดจำนวน 4 หมื่นกว่าวัด มีการรายงานเข้ามาประมาณกว่า 3.9 หมื่นวัด สิ่งที่นายออมสินคาดหวังคือ คุณภาพของบัญชี ส่วนการตรวจสอบคุณภาพของตัวเลขทางบัญชีนั้น ถ้าต้องการมาตรการเด็ดขาด ออกเป็นกฎหมายบ้านเมืองดีที่สุด
“ที่ผ่านมาไม่มีบทบังคับว่าวัดต้องส่งบัญชีรับ-จ่าย เนื่องจากมติ มส.แค่ขอความร่วมมือ เพื่อให้เป็นไปตามตัวชี้วัดตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กำหนด แต่ถ้าไปแก้กฎหมายแล้วไม่มีการทำตามก็จะมีการแซงก์ชัน ซึ่งจะมีบทลงโทษหรืออะไรก็ว่ากันไป แล้วแต่สภาฯ จะพิจารณา ส่วนทาง มส.ไม่มีอำนาจในการกำหนดบทลงโทษทางอาญา สามารถออกข้อบังคับ ซึ่งจะมีผลทางวินัยสงฆ์เท่านั้น” พ.ต.ท.พงศ์ธรกล่าว
พ.ต.ท.พงศ์ธรกล่าวว่า ส่วนกรณีทุจริตเงินอุดหนุนวัด ตนได้รายงานให้นายออมสินทราบว่ามีวัดใดบ้างที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี แต่เรื่องตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขอไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยานหลักฐานจำนวนหนึ่ง เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ พศ.ต้องทำมี 3 ส่วน คือ 1. พระสงฆ์ ถ้าสืบสวนพบความผิดพระธรรมวินัยจะต้องส่งเรื่องไปยังพระสังฆาธิการ 2. เจ้าหน้าที่ ถ้าพบว่ากระทำผิดอาญา จะต้องดำเนินการทางวินัยด้วย และ 3. ถ้าพบว่าก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินทางราชการจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิด ส่วนทาง พศ.จะเสนอต่อ คสช. ให้พักงานเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินวัดหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดอะไร ขอให้ถามทางรัฐบาล และ คสช. แต่ตามกฎหมายเมื่อข้าราชการยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาก็ไม่สามารถที่จะพักราชการได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากวัดที่ปรากฏเป็นข่าว พศ.จะลงไปตรวจสอบวัดอื่นๆ ด้วยหรือไม่ พ.ต.ท.พงศ์ธรกล่าวว่า นายออมสินถามเรื่องนี้เช่นเดียวกัน และยังถามถึงรูปแบบการกระทำผิดมีอะไรบ้าง ตนได้รายงานไปว่าที่มีการทุจริต คือ เงินอุดหนุนวัด แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1. เงินอุดหนุนในการปฏิสังขรณ์ซ่อมแซมวัด 2. เงินเกี่ยวกับการศึกษาของวัด และ 3. เงินที่เกี่ยวกับการเผยแพร่หรือจัดกิจกรรมทางศาสนาของวัด ขณะนี้สิ่งที่ตรวจสอบและตำรวจกำลังดำเนินคดี คือ เฉพาะงบในส่วนของการปฏิสังขรณ์ ยังไม่ได้พูดสิ่งที่เหลือ อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยในเรื่องนี้ พศ.คงต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบทั้ง 3 ส่วน
ผอ.พศ.กล่าวว่า ทั้งนี้ ในแต่ละปีงบประมาณ พศ.ได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 4 พันล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินอุดหนุนในการปฏิรูปสังขรณ์วัด 500 ล้านบาท เงินเกี่ยวกับการศึกษาของวัดและเงินที่เกี่ยวกับการเผยแพร่หรือจัดกิจกรรมทางศาสนาของวัดประมาณ 2,000 ล้านบาท