ทุจริตเงินทอนวัด 4 ข้าราชการ พศ.ส่อชะตาขาด รมต.สำนักนายกฯ ส่งสัญญาณต้อง “พักงาน-ตั้ง กก.สอบวินัย” ขออย่าตีเหมารวม ปชช.เสื่อมศรัทธาวัดแล้ว ชี้สังคมย่อมมีคนไม่ดีแอบแฝง พร้อมเชื่อกฎของบฯปฏิสังขรณ์รัดกุมดีแล้ว
วันนี้ (16 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเรียกคืนเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด 60 ล้านบาทว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แจ้งความดำเนินคดีต่อข้าราชการสังกัด พศ.ที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 คนแล้ว เป็นข้าราชการ พศ.4 คน และพลเรือน 4 คน และมีเรื่องต้องรอกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) รายงาน เมื่อถามว่าต้องสั่งพักราชการที่เกี่ยวข้องก่อนหรือไม่ นายออมสินกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถาม ผอ.พศ.อีกครั้ง เพราะถ้าทั้ง 4 คนเป็นข้าราชการที่ยังอยู่ในหน้าที่อาจต้องพักงาน และตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
เมื่อถามว่าต้องมีการกำหนดระเบียบการรับเงินบริจาคเข้าวัดหรือไม่ นายออมสินตอบว่า การบริจาคเงินให้วัดเป็นศรัทธาของประชาชน คงต้องไปดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะวัดเป็นนิติบุคคล มีเจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการเรื่องต่างๆ โดยมีไวยาวัจกรวัดและคณะกรรมการวัดร่วมพิจารณาด้วย ดังนั้นต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป เพราะเรื่องเหล่านี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน จึงอยากให้ดูกันรอบคอบรัดกุม เพราะจะไปกระทบกับเรื่องของพระค่อนข้างเยอะ พระส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีความผิดอะไรด้วย เหมือนกับท่านถูกหลอก ทางฆราวาสที่ไปจาก ผอ.พศ.ก็ไปบอกกับท่านว่าให้ท่านรับเงินและจ่ายเงินคืนมาจะเอาเงินไปบูรณปฏิสังขรณ์วัดที่อื่น จึงอาจจะมองได้ว่าท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพราะท่านไม่ได้รู้
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก นายออมสินกล่าวว่า เรื่องมาตรการต่างๆต้องมาดูว่ามีจุดอ่อนตรงไหน เราจะทำอะไรได้บ้าง ต้องดูเป็นเรื่องๆ อย่าไปตีเหมารวม เพราะคนดีในสังคมก็เยอะ และทุกสังคมย่อมมีคนไม่ดีแอบแฝง จึงต้องระมัดระวัง อย่างในสังคมของพระจะไปกล่าวโทษว่าพระไม่ดีทั้งหมดคงไม่ใช่ เชื่อว่าประชาชนจะยังไม่เสื่อมศรัทธาในศาสนา ซึ่งประชาชนศรัทธาอยากสร้างอุโบสถสามารถทำได้ แต่เรื่องการมีทุจริตเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่าต้องหารือกับมหาเถรสมาคม (มส.) เรื่องกฎเกณฑ์ในการยื่นของบประมาณเพื่อขอบูรณปฏิสังขรณ์หรือไม่ นายออมสินตอบว่า พศ.ได้แก้ไขให้ทางวัดไม่สามารถของบประมาณจากทาง พศ.ได้โดยตรง ต้องขอผ่านทาง พศ.จังหวัด เพื่อพิจารณาความเหมาะสมก่อนส่งมายัง พศ.ส่วนกลาง และเมื่อมีงบประมาณลงไปต้องผ่านไปยัง พศ.จังหวัดอีกครั้งซึ่งจะมีคณะกรรมการพิจารณา ตรงนี้น่ารัดกุมรอบคอบเพียงพอแล้ว แต่หากไม่เพียงพออย่างไรค่อยมาว่ากันอีกครึ่งหนึ่ง