“บุญส่ง” ชี้เซตซีโร่ กกต.ส่อขัดหลักนิติธรรม-รธน. เล็งชงศาลวินิจฉัย ยันไม่ชิงลาออก

กกต.ด้านสืบสวนฯ ระบุมติเซตซีโร่ กกต.ส่อขัดหลักนิติธรรมตามม 3 วรรคสอง รธน. เตรียมถกกุนซือกฎหมาย 14 มิ.ย. ส่งศาล รธน.วินิจฉัยเพื่อรักษาเกียรติ ศักดิ์ศรีองค์กร และกระบวนการตรากฎหมายที่ต้องมีมาตรฐานเดียว ยันไม่คิดลาออกก่อน หวั่นยิ่งทำองค์กรมีปัญหา

วันนี้ (12 มิ.ย.) นายบุญส่ง น้อยโสภณ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีมติเซตซีโร่ กกต.ว่า ทาง กกต.จะมีการประชุมร่วมกับทางคณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.ในวันที่ 14 มิ.ย. เพื่อปรึกษาหารือว่ามีประเด็นใดที่น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรมหรือไม่ การอภิปรายของ สนช.เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ตนได้ดูทุกถ้อยคำของคนที่อภิปรายไม่เห็นด้วย ส่วนตัวเห็นว่ามีปัญหาคาดว่าน่าจะขัดต่อหลักนิติธรรมตามมาตรา 3 วรรคสอง รวมทั้งอาจจะขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ในเรื่องคุณสมบัติของคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญปี 2560

“ตามรัฐธรรมนูญ การทำหน้าที่ของรัฐสภา องค์กรอิสระ หรือภาครัฐก็ดี จะต้องปฏิบัติตามหลักนิติธรรม เรื่องคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ผมก็เป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การเซตซีโร่จึงอาจจะขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นข้อห่วงใยในเรื่องกระบวนการตรากฎหมายเนื่องจากเป็นการเปลี่ยนหลักการในวาระที่ 2 ที่อาจจะขัดต่อนิติประเพณีในการตรากฎหมายหรือไม่ รวมทั้งอาจจะขัดต่อบทเฉพาะกาลด้วย”

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอของร่างกฎหมายที่ กกต.เห็นว่าจะมีประโยชน์ต่อการทำงานและสอดคล้องเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ แต่ถูกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตัดทิ้ง มีทั้งหมด 4 ประเด็น 1. เรื่อง กกต.คนเดียวระงับยับยั้งการเลือกตั้งในหน่วยหรือเขตเลือกตั้งได้ หากพบการทุจริต และสามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ใหม่ 2. การเลือกตั้งท้องถิ่น รัฐธรรมนูญให้อำนาจ กกต.จัดได้ หรือมอบหมายให้หน่วยงานจัดการเลือกตั้งโดยอยู่ภายใต้การดูแลของ กกต. 3. การคุ้มครอง กกต.และพนักงานเลือกตั้งที่จะไม่ถูกฟ้องทางแพ่ง อาญา และทางปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 แต่ กรธ.ได้ตัดประเด็นนี้ทิ้งไป 4. สวัสดิการและค่ารักษาพยาบาลของพนักงาน กกต.

เมื่อถามว่า ตามร่างกฎหมาย กกต.แต่ละคนต้องลงพื้นที่กำกับดูแลการเลือกตั้ง การมี กกต.ใหม่ขาดประสบการณ์จะมีปัญหาหรือไม่ นายบุญส่งกล่าวว่า เชื่อว่าสามารถทำงานได้ และถ้าเป็นนักกฎหมายจะเข้าใจกฎหมายและระเบียบต่างๆ ได้ดี แต่ก็เชื่อว่าต้องใช้เวลาระยะหนึ่งและกว่าจะได้รับความเชื่อถือ ศรัทธาจากคนในองค์กรค่อนข้างยาก เนื่องจากองค์กร กกต.มีปัญหาพอสมควรในเรื่องการบริหารงานบุคคลซึ่งก็คงทำได้แต่จะรู้เท่าทันในสิ่งเหล่านี้หรือไม่ ก็ต้องรอดูกันไป

“ยังขอไม่ให้ความเห็นเรื่องที่ สนช.มีมติเซตซีโร่ กกต. เพราะมันจะกลายเป็นการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว อีกทั้งประเด็นที่จะโต้แย้งกลับไปนั้นจะต้องหารือกันอีกครั้ง อาจจะไม่ใช่แค่ประเด็นคุณสมบัติ น่าจะมีประเด็นอื่นเพิ่มขึ้นอีก และถ้ากระบวนการไปถึงศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่การเรียกร้องสิทธิ เพราะไม่ใช่เรื่องของสิทธิ แต่เป็นเรื่องของเกียรติและศักดิ์ศรีขององค์กรมากกว่า ผมได้รับผลกระทบน้อยมากเพราะจะเกษียณอายุในปี 2561 แต่เห็นว่าการตรากฎหมายต้องมีมาตรฐานเดียว ไม่ใช่หลายมาตรฐาน จึงต้องสู้เพื่อรักษามาตรฐาน ยืนยันว่าการเซตซีโร่ กกต.ไม่ได้เป็นการบั่นทอนจิตใจ และจะไม่ลาออกตามที่ฝ่ายการเมืองได้เสนอ เพราะจะทำให้องค์กรมีปัญหาได้”