xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” หน้าบานเยือนสหรัฐฯ-เครือข่ายแม้วสะเทือน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



แม้ว่าจะไม่เหนือความคาดหมายจนเกินไปกับการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีกำหนดเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งตามกำหนดการที่หลุดออกมาเป็นเอกสารของสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เมื่อสัปดาห์ก่อน

โดยกำหนดการเยือนสหรัฐอเมริกาดังกล่าว ระบุคร่าวๆ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จะเดินทางไปในราวเดือนกันยายน ซึ่งก็ถือว่าอีกไม่นานนัก

สำหรับความเคลื่อนไหวที่คาดว่านำไปสู่การเดินทางไปเยือนสหรัฐฯในครั้งนี้ เนื่องมาจากเมื่อราวเดือนที่แล้วที่ตอนนั้น ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังแสวงหาพันธมิตรในภูมิภาคเอเชีย เพื่อรับมือกับประเทศเกาหลีเหนือ โดยตอนนั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯได้โทรศัพท์สายตรงมาถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีการหว่านล้อมให้ไทยร่วมมือกับสหรัฐฯในการต่อต้านภัยคุกคามกับเกาหลีเหนือ นอกเหนือจากโทรศัพท์สายตรงไปถึงนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ผู้นำจีน และผู้นำญี่ปุ่นมาแล้ว

ตามการเปิดเผยของทีมโฆษกรัฐบาลไทยในตอนนั้น ระบุว่า ทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนความเห็นในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องความมั่นคงในภูมิภาค และที่สำคัญประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปเยือนทำเนียบขาวในกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา อีกด้วย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ตอบรับคำเชิญ

และนั่นอาจเป็นที่มาของกำหนดการที่หลุดออกมาก่อนหรือไม่ เพราะตามเอกสารที่ออกมาจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีการส่งหนังสือเวียนไปถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงพาณิชย์ที่กำลังถูกทางการสหรัฐฯกดดันให้ชี้แจงเรื่องการได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯในสินค้าบางรายการ การละเมิดสินค้าลิขสิทธิ์ เรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ เป็นต้น จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมเป็นข้อมูลให้กับ นายกรัฐมนตรีสำหรับการเจรจากันแบบทวิภาคี

การเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามที่กำหนดออกมา หากพิจารณากันในมุมทางการเมือง ถือว่าฝ่ายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ชัยชนะ เพราะในความเป็นจริงพวกเขาเป็น “รัฐบาลทหาร” ถือว่าเป็น “เผด็จการ” เต็มรูปแบบที่ตามกฎหมายขอ

สหรัฐฯจะไม่คบค้าสมาคมกันอย่างเป็นทางการ ประเภทที่ว่าระดับผู้นำจะไม่มีการแลกเปลี่ยนการเยือน การเจรจากันโดยตรง รวมไปถึงจะไม่มีการเชิญไปเยือนทำเนียบขาวอย่างเด็ดขาด ซึ่งในยุคของ อดีตประธานีสหรัฐฯ บารัค โอบามา เคยปฏิบัติผู้นำรัฐบาลไทยมาตลอด ไม่เคยเชิญไปเยือนสำหรัฐฯ และที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเดินทางเข้าสหรัฐฯได้ นอกเหนือจากการเดินทางไปกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมใหญ่ประจำปีขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้เท่านั้น

ดังนั้น การได้รับโทรศัพท์สายตรงจาก ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และการเชิญไปเยือนทำเนียบขาวครั้งนี้ ถือว่า “หักมุม” ครั้งสำคัญ และเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของคณะปกครองอย่าง คสช. กลุ่มนี้ เพราะถือว่านี่คือการสลัดพันธนาการเป็นข้อจำกัดในเรื่องการเปิดเจรจาการค้าและเศรษฐกิจทั้งในแบบทวิภาคีและพหุภาคี อีกทั้งยังอาจทลายกำแพงจากฝ่ายยุโรป ที่เคยตั้งข้อรังเกียจไทย หลังจากเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา

ขณะเดียวกัน สำหรับการเมืองภายในยังเป็นการหักหน้าพวก “ระบอบทักษิณ” ที่พยายามดิสเครดิตรัฐบาล คสช. มาตลอดในเรื่องการถูกขึ้นแบล็กลิสต์ของพวกผู้นำ คสช. จากสหรัฐฯ แต่การเปลี่ยนท่าทีมาเป็นตรงกันข้ามแบบนี้ มันยังเป็นการเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดเกมรุกกับเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ได้มากขึ้น โดยเฉพาะกับพวกที่หลบหนีไปสหรัฐฯให้จำกัดบทบาทในการเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาล

การเปลี่ยนท่าทีของสหรัฐฯยังทำให้พิสูจน์ให้เห็นว่าข้อกำหนดที่สร้างเป็นกำแพงในการบอยคอตประเทศหนึ่งนั้น แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับ “ผลประโยชน์” เฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะหากบอกว่ารังเกียจประเทศเผด็จการ ก็ต้องตั้งคำถามว่าการไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย และมีการลงนามขายอาวุธล็อตใหญ่นับแสนล้านดอลลาร์ ถามว่าประเทศนี้มีการเลือกตั้งระดับใดบ้าง หรือการเชิญผู้นำเวียดนามไปเยือนสหรัฐฯในช่วงนี้ก็เช่นเดียวกัน ว่า นี่คือ ผู้นำประเทศคอมมิวนิสต์ปกครองโดยพรรคเดียว แต่กลับได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง

ดังนั้น ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเพียงข้ออ้างด้วยเหตุผลบางอย่างในบางสถานการณ์เท่านั้น ไม่ใช่เหตุผลแท้จริง คราวนี้ก็เช่นเดียวกันความสัมพันธ์ระหว่างไทย - สหรัฐฯ แบบในอดีตกำลังจะผ่านไป ยุทธศาสตร์เก่ากำลังผ่านไป ยุทธศาสตร์ความมั่นคงหน้าใหม่กำลังเข้ามาแทนที่ และคนที่หน้าบาน ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะถือว่านี่คือชัยชนะทางการเมืองแบบ “เฉพาะหน้า” เช่นเดียวกัน ส่วนเรื่องอื่นค่อยมาว่ากันทีหลัง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น