นับว่า เป็นโชคดีแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรี ที่อธิบดีกรมศุลกากร นายกุลิศ สมบัติศิริ และเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ยอมให้ บริษัทเบสท์ริน ผู้ชนะการประมูลรถเมล์ เอ็นจีวี 489 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. นำรถล้อตแรก 100 คัน ออกจากท่าเรือแหลมบัง
เพราะรถทั้ง 100 คัน ที่เบสทืรินนำเข้ามาแล้ว และอีก 389 คัน ที่กำลังขนส่งมา กรมศุลกากรสืบทราบว่า เป็นรถยี่ห้อSunlong ที่ประกอบเสร็จทั้งคัน ส่งมาจากประเทศจีน มาพักที่มาเลซีย เพื่อแปลงสัญชาติจากรถจีน ซึ่งต้องเสียภาษีนำเข้า 40 % เป็นรถมาเลเซีย ที่ไม่ต้องเสียภาษี ตามข้อตกลงเออีซี
พูดง่ายๆคือ เป็นรถเถื่อน เลี่ยงภาษีนั่นเอง
บริษัทเบสท์ริน โดยนายเค่อนัวหลิน คนจีนซึ่งได้สัญชาติไท ยและมีชื่อไทยว่า นายคณิสสร์ ศรีวชิรประภา เจ้าของ เคยให้สัมภาษณ์สื่อไว้ก่อนหน้าว่า วันที่ 21 ธันวาคม จะนำรถปรับอากาศ ไปรับพลเอกประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปทำพิธีรับมอบรถที่สถานีรถไฟหัวลำโพง เป็นขอวขวัญปีใหม่สำหรับคนกรุงเทพ ที่จะได้ใช้รถใหม่เสียที หลังจากรอมาเกือบ 10 ปี นับตั้งแต่ ขสมก เริ่มโครงการนี้ขึ้นมา
หากเรื่องไม่แดงขึ้นมาก่อนว่า บริษัทเบสท์ริน เอารถจีนมาย้อมแมวเป็นรถมาเลย์ อีเวนท์ที่เบสท์รินจัดฉากเอาไว้ คงเดินหน้าต่อไป และพลเอกประยุทธ์ กับครม. ก็จะโดนหลอกให้ไปนายแบบโฆษณาให้รถเถื่อน ที่นำเข้าผิดกฎหมาย พรรคเพือ่ไทยรู้เข้า คงไม่รอช้าที่จะหยิบไปประเด้นโจมตีแบบไม่มีวันเลิกรา
ป่านนี้ ไม่รู้ว่า ทีมงานนายกลุงตู่ รู้หรือยังว่า นายโดนหลอก
โครงการจัดชซื้อรถเมล์ของ ขสมก. เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัต รแต่ถูกร้องเรียนว่า มีการล็อปสเป็ค ให้บริษัทจากจีน จนการประมูลต้องถูกล้มเลิกไปหลายครั้ง แต่ ขสมก. ก็ไม่ล้มเลิกความพยายาม จนมาสำเร็จเอาในสมัย คสช. โดย กิจการร่วมค้า JVCC ที่มีบริษัท ช.ทวี เป็นแกนนำ ชนะการประมูล
ยังไม่ทันเซ็นสัญญา นายเค่อนั่ว หลิน หรือ นายคณิสสร์ ประธานกรรมการบริษัท เบสท์รินกรุ๊ป จำกัด ซึ่งเข้าประมูลด้วยแต่แพ้ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ ให้ยกเลิกการประมูล เพระไม่เป็นธรรม ไม่น่าเชื่อว่า งานนี้ คสช. จัดให้ตามความต้องการของนายเค่อ นั่ว หลิน เมื่อบอร์ด ขสมก. ที่มี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2558 ยกเลิกการประมูลรถเมล์ NGV 489 คัน โดยอ้างว่า TOR ในการประมูลครั้งแรก อาจจะทำให้การเสนอราคาเกิดความไม่เป็นธรรมได้ และเปิดประมูลใหม่ โดยมีผู้เสอนราคาคือ เจ้าเก่า 2 ราย คือ ช. ทวี และ เบสท์ริน
ผลปรากฎว่า คราวนี้ เบสท์ริน ชนะไป โดยเสนอราคาต่ำสุด 3,389.71 ล้านบาทม ต่ำกว่าราคากลาง ที่ตั้งไว้ที่ 4,021 .71 ล้านบาท ถึง 632 ล้านบาท
นายเค่อ นัวหลิน บอกว่า ที่เสนอราคาได้ต่ำเพราะเป็นรถที่ประกอบในมาเลซีย ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ตามข้อตกลง เออีซี
บัดนี้ ความจริงปรากฎ และนายเค่อ นัวหลิน ก็ยอมรับแล้วว่า รถปรับอากาศเอ็นจีวี นี้ เป็นรถจีน ซึ่งต้องเสียภาษีนำเข้า 40 %
ดังนั้น รถทั้ง 489 คันจะต้องเสียภาษีนำเข้าจำนวน 718 ล้านบาท และในส่วนของ 100 คันแรกจะต้องเสียค่าปรับอีกประมาณ 230 ล้านบาท รวมเป็นเงินที่ เบสท์ริน ต้องชำระ 948 ล้านบาท จึงจะนำรถออกจากท่าเรือแหลมฉบังไปได้ โดยมีกำหนดต้องส่งมอบให้ ขสมก ภายในวันที่ 29 ธันวาคมนี้ หากไม่สามารถส่งมอบได้ เบสท์รินจะถูกปรับวันละ 13,000 บาท ต่อคัน และถูกริบเงินค้ำประกัน
เบสท์ริน เคยมีประวัติแจ้งราคานำเข้ารถปรับอากาศยี่ห้อ โกลเด้นดราก้อน 200 คัน ต่ำกว่าความจริง จนถูกกรมศุลกากร และกรมสรรพากร ฟ่องศาลภาษีอากร ซึ่งศาลมีคำพิพากษาเมื่อเดือนกันยายนที่ป่านมานี้เอง ให้เบสท์ริน จ่ายภาษีและค่าปรับเป็นเงิน 300 กว่าล้านบาทให้กรมศุลกากรและกรมสรรพากร
การนำเข้ารถยี่ห้อSunlong จากมาเลเซียครั้งนี้ นายเค่อ นัวหลินจึงเปลี่ยนไปใช้ บริษัทซุปเปอร์ ฮาร่า แทน แต่กรมศุลกากรรู้ทัน และตามจับผิดได้คาหนังคาเขา
โครงการประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันนี้ นับว่า เป็นผลงานชิ้นโบว์ดำของ คสช. และรัฐบาลที่มีนโยบายปราบปรามการคอรร์รัปชั่น แต่ในทางปฏิบัติกลับหลับหูหลับตา เปิดช่องให้คนโกงมาร่วมประมูลโครงการของรัฐ ไม่ตรวจสอบประวัติความเป็นมา พฤติกรรม ทั้งๆที่ โครงการนี้ เป็นโครงการนำร่องที่มี การใช้ “ ข้อตกลงคุณธรรม” (Integrity Pact) ในการจัดซื้อจัดจ้าง