xs
xsm
sm
md
lg

“ลุงตู่” คุมเกมอยู่หมัด-นับถอยหลังปลดล็อกนักการเมือง !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


สังเกตหรือไม่ว่าช่วงเวลานี้เริ่มมีการพูดถึงเรื่องการปลดล็อกพรรคการเมือง เพื่อเปิดทางให้ทำกิจกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งสัญญาณออกมาจากระดับผู้กุมอำนาจรัฐในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนเต็มร้อย แต่พอเข้าใจความหมายจากคำว่า “โรดแมปยังไม่เปลี่ยนแปลง” มันก็ยังสื่อความหมายให้เข้าใจกันได้ ว่า พิจารณาจากสถานการณ์ในขณะนี้ทุกอย่างยังเดินไปตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะขยักเอาไว้บ้าง ว่า “ทุกคนเป็นคนกำหนดสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวผมคนเดียว หากทุกอย่างเรียบร้อย มีความมั่นคงไม่วุ่นวาย ก็เดินไปตามโรดแมป” คำพูดดังกล่าวถึงแม้ว่าไม่ใช่ลอกมาแบบคำต่อคำ แต่ความหมายรวมๆ ก็ประมาณนี้แหละ ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยังถือว่าเป็น “เบอร์สอง” ก็พูดในทำนองเดียวกัน

ดังนั้น หากพิจารณาจากท่าทีและคำพูดของคนที่มีอำนาจดังกล่าว รวมไปถึงย้อนกลับไปตรวจสอบคำพูดก่อนหน้านี้ มันก็จะมีการเลือกตั้งในปลายปีหน้า และนั่นหมายถึงเวลาของรัฐบาลชุดนี้ยังเหลืออีกประมาณ 1 ปี เท่านั้น

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าของบรรดาการร่างกฎหมายลูก หรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เร่งด่วนอย่างน้อย 4 ฉบับ คือ กฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง เกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง และ กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ก็ใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว เพราะมีเวลากำหนดเอาไว้ว่าต้องเสร็จและประกาศใช้เมื่อใด และนี่ก็คือ ปัจจัยเร่งอย่างหนึ่งที่ทำให้ต้องมีการพูดถึงประเด็นต่อเนื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือ การ “ปลดล็อก” พรรคการเมือง และนักการเมือง ให้สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้

ขณะเดียวกัน เวลาที่กำหนดตามโรดแมป ว่า ต้องมีการเลือกตั้งปลายปีหน้า มันก็ย่อมถือว่าเตรียมนับถอยหลังสำหรับการปลดล็อกทางการเมืองกันอยู่แล้ว เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการเลือกตั้งแล้ว บรรยากาศทางการเมืองยังแข็งทื่อแบบนี้ และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่กล่าวในทำนองว่า จะมีการเลือกตั้งและประชาธิปไตยในแบบ “สากล” ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นแบบไหน

นั่นคือ ต้องมีบรรยากาศการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขณะเดียวกัน มันคงไม่ถึงกับหวนกลับไปเป็นแบบเดิมในยุคที่นักการเมืองเป็นใหญ่ก่อนหน้านี้ เพราะแบบนั้นชาวบ้านเขาเอือม เขาเบื่อไม่ต้องการแล้ว

ดังนั้น ถ้าย้ำอีกทีจากคำพูดของผู้มีอำนาจข้างต้น รวมทั้งคำพูดของ นรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายแล้ว ซึ่ง กรธ. กำลังทบทวนรายละเอียดในแต่ละมาตราที่เกี่ยวโยงกันว่ามีตรงไหนที่ขัดกันหรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมืองเบื้องต้นที่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ยังต้องปรับแก้อีกเล็กน้อย และถ้าเสร็จสมบูรณ์ก็จะเปิดเผยต่อสาธารณชน และสามารถส่งให้ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช) ไปศึกษาดูก่อนได้ คาดว่า จะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ แต่ถ้าเป็นร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับสมบูรณ์ นั้น มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. บอกแล้วว่าจะส่งร่างฉบับสมบูรณ์ให้ สนช. ทันที หลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้วในวันถัดไป

ถามว่า มีบางพรรคการเมืองแสดงความกังวลเรื่องทุนประเดิมในการตั้งพรรค นายนรชิต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เราอยากให้พรรคการเมืองเป็นของสมาชิกพรรคทุกคน และให้สมาชิกพรรคมีความสนใจในพรรคจริงๆ ส่วนเรื่องสมาชิกพรรคที่มีเสียงท้วงติงจากพรรคการเมืองขนาดเล็กและพรรคการเมืองเก่าตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า บางคนโดนสวมชื่อไปอยู่พรรคนั้นพรรคนี้ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ตรงนี้ทำให้ กรธ. มากำหนดว่า สมาชิกพรรคจะต้องยืนยันตัวตนกับ กกต. ว่า เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ส่วนค่าสมาชิกพรรคนั้น กำลังคิดว่าจะกำหนดให้เหมาะสมว่าจะต้องเสียค่าสมาชิกคนละเท่าไหร่ ซึ่งอยู่ระหว่าง 100 - 200 บาท ตามที่มีผู้เสนอเข้ามายัง กรธ. ซึ่งเราพยายามควบคุมพรรคการเมืองให้ใช้จ่ายอย่างเหมาะสม เช่น เงินหาเสียง, ป้ายโฆษณา เป็นต้น รวมทั้งเงินที่พรรคจะได้รับจาก กกต. และผู้บริจาคด้วย

“ขอยืนยันอีกครั้งว่า กรธ. ไม่มีการเซตซีโร่พรรคการเมือง หรือคณะกรรมการบริหารพรรคตามที่มีข่าวออกมา ตรงนี้ยังเป็นเหมือนเดิมไม่ยุ่งยากอะไร ทั้งนี้ เชื่อว่า การเลือกตั้งก็ยังเป็นไปตามโรดแมปเหมือนเดิม และถ้าร่าง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้ตรงนี้พรรคการเมืองก็จะสามารถทำกิจกรรมได้ทันที”

ก็ต้องบอกว่าชัดยิ่งกว่าชัด ว่า อีกไม่นานจะมีการ “ปลดล็อก” พรรคการเมือง และนักการเมืองให้ทำกิจกรรมได้ แต่ก็นั่นแหละการปลดล็อกดังกล่าวมันก็ย่อมหมายถึงความมั่นใจว่า สามารถ “ควบคุมสถานการณ์” เอาไว้ได้แบบอยู่หมัดแล้วอะไรประมาณนั้น อีกทั้งไม่น่ากังวลกับกระแสความนิยมศรัทธาของประชาชนที่มีต่อบรรดานักการเมือง เมื่อเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะนาทีนี้ถือว่ายัง “กินขาด” ซึ่งชาวบ้านรับรู้กันดีว่าใครเหนือกว่า

ดังนั้น เมื่อประเมินแล้วว่า ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มันก็ถึงเวลา เพราะตามโรดแมปยังเหลือเวลาอีกปีกว่าๆ เมื่อต้องทำให้บรรยากาศเป็นสากล มันก็ต้องเดินหน้าตามกำหนดตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้แล้ว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น