รองนายกรัฐมนตรียันไม่คุยสรรหากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศใน ครม. เผยนายกฯ บอกให้รวมชื่อเท่าที่ได้ชงก่อนบินสหรัฐฯ ถ้าโอเคให้ติดต่อ คาดทัน 6 ต.ค.อ้างเจอ “มีชัย” ทักทายแต่ไม่ได้ทาบทาม ส่วน “อานันท์” ยังไม่ได้พบ ไม่รู้ กรธ.ได้กี่คนแล้ว ส่วน สปท.ไม่ได้รับผิดชอบ อย่ามาวิ่ง อ้างพูดกฎหมายพรรคการเมืองอาจมีสูตรพิสดารตอบโต้ “จาตุรนต์” ย้ำเลือกตั้ง 2 เดือนไม่ทัน อ้างแค่ยกตัวอย่างไม่ได้โยนหินถามทาง ต่อให้หยิบฉบับอื่นมาใช้ก็ต้องปรับปรุงเป็นแรมเดือน
วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการสรรหาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่าจะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวในการประชุม ครม.ครั้งนี้ ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเดินทางไปประชุมสหประชาชาติในวันที่ 23 ก.ย. ท่านบอกว่าให้รวบรวมรายชื่อเท่าที่ได้ก่อนที่จะเดินทาง หากนายกฯ เห็นชอบใครให้ติดต่อระหว่างที่ไม่อยู่ เพราะบางคนอาจต้องไปลาออกจากตำแหน่งอื่น หรือการมาร่างรัฐธรรมนูญห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2 ปี จึงต้องพูดให้เข้าใจ เมื่อนายกฯ กลับมาจะมีการพูดกันอีกครั้งซึ่งจะทันเวลาในวันที่ 6 ต.ค. ที่จะครบ 30 วันตามที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดไว้ โดยเวลานั้นต้องมีชื่อแล้ว
ส่วนที่มีชื่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช.จะมาเป็นประธาน กรธ.นั้น นายวิษณุกล่าวว่า ตนได้เจอกับนายมีชัยแล้ว ได้ทักทายแต่ยังไม่ได้ทาบทาม ส่วนที่มีชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ ออกมาด้วยนั้นตนยังไม่ได้พบนายอานันท์ ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของ กรธ.21 คนตอนนี้ได้กี่คนแล้ว นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบ นายกฯ มอบหมายให้หลายคนไปรวบรวม และตนไม่ได้ดูเฉพาะฝ่ายกฎหมาย เพราะนายกฯ บอกเพียงว่าให้ไปดูมา มีใครแล้วเสนอมา ส่วนรายชื่อทั้งหมดอยู่ที่นายกฯ อาจจะเยอะแต่ตนไม่ทราบ ขณะที่ สปท.นั้นตนไม่ได้รับผิดชอบ เรื่องดังกล่าวกรุณาทราบ ใครอย่ามาวิ่งกับตน
นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีเคยออกมาพูดว่ากฎหมายพรรคการเมืองอาจมีสูตรพิสดารว่า ที่ตนพูดไม่ได้หมายความว่าเปิดช่องหรือชี้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เป็นการตอบคำถามที่มีคนถามถึงสูตรของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ให้ใช้สูตร 3-3-3-2 ว่าไม่สามารถทำได้ สูตรของนายจาตุรนต์ที่จะให้เวลาการเลือกตั้ง 2 เดือนนั้น ตนถามว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะต้องออกกฎหมายลูกถึง 6 ฉบับ และไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร อย่างกฎหมายพรรคการเมืองอาจจะพิสดาร เช่น ถ้าเป็นกฎหมายพรรคการเมืองใหม่ กฎหมายพรรคการเมืองเก่าก็ต้องเลิกไป พรรคการเมืองที่เคยตั้งอยู่จะทำอย่างไร จะให้จดทะเบียนใหม่หรือหาสมาชิกใหม่ หรือไม่ยังไม่รู้ ส่วนพรรคที่ตั้งใหม่จะต้องนับหนึ่งใหม่ หากใช้เวลาเพียง 2 เดือน พรรคใหม่จะเสียเปรียบ ข้อสำคัญถ้ามันเกิดพิสดาร เขียนให้พรรคเก่าได้รับผลกระทบขึ้นมาจะวุ่นไปหมด ซึ่ง 2 เดือนจะไม่ทัน ความหมายเป็นเช่นนั้น ไม่ได้เป็นการชี้ช่องออกกฎหมายลูกก่อนกฎหมายแม่ หรือตนจะเป็นคนไปร่างฯ และไม่รู้ว่าเขาจะเขียนอย่างไร เป็นการสมมติออกมาเพื่อชี้แจงว่า 2 เดือนเป็นไปไม่ได้เท่านั้นเอง ถ้าไม่พิสดารก็ไม่เป็นไร
“ตัวอย่างที่ผมยกขึ้นมาไม่ได้เป็นการโยนหินถามทาง แต่เป็นการสมมติขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่า 2 เดือนเป็นไปไม่ได้ ช่วยกันคิดด้วยสติปัญญา เอาฝ่าเท้ายกขึ้นมา นวดฝ่าเท้าสักทีแล้วตรองหน่อยว่า 2 เดือนมันทันจริงหรือ เมื่อตรงนี้ไม่ทัน ส่วนอื่นที่ให้ร่นมามันก็ไม่ทัน เพราะรัฐธรรมนูญเขาให้ร่างภายใน 6 เดือน ย่นหน่อยได้ แต่จะบอกว่า 2-3 เดือนพอจะเป็นได้อย่างไร เพราะต้องไปถามความเห็นคนเขาด้วย ต่อให้หยิบรัฐธรรมนูญ 40, 50 หรือ 58 ก็ต้องเอามาปรับปรุงซึ่งคงต้องให้เวลาเป็นแรมเดือน” นายวิษณุกล่าว