xs
xsm
sm
md
lg

อัยการฟ้อง “ธัมมชโย” เผือกร้อนส่งถึงมือดีเอสไอ-บุกจับคาวัด !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



ในที่สุดก็ชัดเจนไปเปลาะหนึ่งว่า ล่าสุด ทางพนักงานอัยการได้แถลงออกมาแล้วว่าได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจรทั้ง 5 รายแล้ว

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ นายชาติพงษ์ จีระพันธ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ แถลงว่า คณะทำงานอัยการได้ร่วมกันพิจารณาสำนวนคดีแล้ว ได้มีคำสั่งฟ้อง นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ผู้ต้องหาที่ 1, น.ส.ศรัณยา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 โดยพนักงานอัยการนัดผู้ต้องหาที่ 3 และ 4 มารายงานตัวเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 30 พ.ย. นี้ ขณะที่ นายศุภชัย ผู้ต้องหาที่ 1 ถูกจำคุกในคดีอื่นอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาอีก 2 ราย ที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้ส่งตัวให้พนักงานอัยการ ได้แก่ พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจรตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 83 และแจ้งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจัดการให้ได้ตัวมาส่งให้พนักงานอัยการภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันที่กระทำผิดเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

คำแถลงข้างต้นก็เป็นอันชัดเจนว่า ในที่สุดก็สั่งฟ้อง ธัมมชโย ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ถือว่ามาเร็วก่อนกำหนด จากเดิมที่นัดแถลงสั่งคดีในวันที่ 30 พฤศจิกายน และหากพิจารณาจากภาพที่เห็นทำให้เข้าใจได้ว่า มีการแยกฟ้อง ผู้ต้องหารายที่ 1 รายที่ 3 และรายที่ 4 โดยเวลานี้ทางอัยการได้แจ้งนัดให้ผู้ต้องหาดังกล่าวมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ เพื่อฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ส่วนผู้ต้องหาอีกสองราย คือ ธัมมชโย กับ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ แม้ว่าจะได้พิจารณาสั่งฟ้องไปแล้ว แต่เมื่อยังไม่ได้ผู้ต้องหา คือ ยังไม่ยอมให้จับกุม และยังหลบหนี ก็ต้องรอพิจารณาและจับตาดูกันต่อไปว่าจะสามารถได้ตัวมา หรือจะมีการแถลงชี้แจงต่อศาลในวันส่งฟ้องอย่างไร

ขณะเดียวกัน เมื่อเป็นแบบนี้สำหรับอัยการแล้ว ถือว่าได้คลายความกดดันลงไปได้มากแล้ว อย่างน้อยคำกล่าวหาในเรื่องยื้อ เตะถ่วงก็หมดไปทันที แต่อีกด้านหนึ่งแรงกดดันดังกล่าวกลับมากดทับลงไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เป็นเจ้าของคดี ที่จะต้องดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา โดยเฉพาะ ธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ระบุว่ายังกบดานอยู่ภายในวัดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยืนยันก่อนหน้านี้ รอให้อัยการสั่งคดีในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ เสียก่อน หากสั่งฟ้องก็จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเข้าจับกุมทันที เพราะไม่มีเหตุผลอย่างอื่น เพราะหากไปจับกุมก่อนแล้วอัยการสั่งไม่ฟ้อง มันก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น เมื่อมีการสั่งฟ้องก่อนกำหนด นั่นก็หมายความว่า แรงกดดันก็มาตกอยู่ที่ดีเอสไอเต็มๆ แล้วว่าจะทำได้ตามที่พูดเอาไว้หรือไม่

แน่นอนว่า คดีของ ธัมมชโย เป็นที่จับตามองจากสังคมเป็นอย่างมากว่าจะเดินหน้าไปอย่างไร รวมทั้งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ามาตรฐานทางกฎหมายของเรามีประสิทธิภาพ และบังคับใช้กับทุกคนอย่างเสมอภาคกันหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า ธัมมชโย คนนี้มีหมายจับที่อนุมัติโดยศาลยุติธรรมถึง 3 ใบ สามคดี แต่เขาก็ยังลอยนวลอยู่ได้ โดยที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง อ้างแต่เพียงว่าตัวเอง “ไม่ผิด” ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐผู้รักษากฎหมาย กลับไม่ดำเนินการอ้างแต่เพียงว่าเป็นเรื่อง"ละเอียดอ่อน"หรือเป็นคดีที่มีอายุความ 15 ปี สามารถจับกุมเมื่อไหร่ก็ได้

แม้ว่าเหตุผลที่อ้างดังกล่าวจะเป็นเรื่องจริง ว่า การบุกเข้าไปจับกุมผู้ต้องหาถึงในวัดพระธรรมกาย อาจจะมีการขัดขวางจากบรรดามวลชน หรือลูกศิษย์วัดที่ศรัทธา แต่นั่นก็คงไม่ใช่เป็นเหตุผลที่นำมาอ้างให้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จนไม่มีการจับกุมในที่สุด

ดังนั้น ทุกอย่างก็ต้องดำเนินการไปตามที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้เคยย้ำเอาไว้ว่าหากอัยการสั่งฟ้องเมื่อใด ก็ต้องจับกุม ธัมมชโย เพราะหากไม่ดำเนินการก็จะถูกมองว่า “เลือกปฏิบัติ” และ “ไร้มาตรฐาน” เพราะในกรณีนี้จะเรียกว่าสองมาตรฐานไม่ได้ ขณะเดียวกัน เมื่อรูปการณ์เป็นแบบนี้ ก็ถือว่าทางอัยการได้โยน “เผือกร้อน” กลับมาใส่มือดีเอสไอเต็มๆ และดีเอสไอก็ไม่มีทางเลือกอื่น

ขณะเดียวกัน ธัมมชโย ก็ถือว่ามีทางเลือกน้อยลงทุกทีเหมือนกัน ว่าจะมอบตัว หรือขัดขืนการจับกุม แต่ที่สำคัญที่สุด ในเวลานี้ก็คือ “เผ่นหนีไปแล้วหรือยัง” !!
กำลังโหลดความคิดเห็น