xs
xsm
sm
md
lg

“ไพบูลย์” ชี้ผู้เสียหายคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนร้อนใจ จี้อัยการสั่งฟ้อง “พระธัมมชโย” หวั่น กม.บังคับใช้ไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - อดีตประธาน กก.ปฏิรูปพุทธศาสนา ชี้ประชาชนผู้เสียหายคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ร้อนใจ หวั่นกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ “พระธัมมชโย” จี้อัยการเร่งสั่งคดี

วันนี้ (7 พ.ย.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เปิดเผยถึงกรณีที่คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้มีคำสั่งเลื่อนการสั่งคดีนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด และพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ สุทธิผล) หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กับพวกรวม 5 คน ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และรับของโจรจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ โดยอ้างเหตุผลที่ต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมให้มีความครบถ้วนจากพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทั้งนี้ อัยการได้นัดฟังคำสั่งครั้งต่อไปในวันที่ 30 พ.ย. 2559

นายไพบูลย์กล่าวว่า ได้รับฟังเสียงเรียกร้องจากประชาชน ทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ รวมถึงประชาชนที่เฝ้าติดตามปัญหาที่เกิดขึ้น ที่มีความรู้สึกร้อนใจและเกรงว่าการบังคับใช้กฎหมายจะไม่สามารถดำเนินการได้กับผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะกับพระธัมมชโย ซึ่งตนเชื่อว่าหลังจากนี้ประชาชนคงจะเรียกร้องขอให้อัยการผู้ดูแลในคดีดังกล่าวดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรมแก่เขา

ขณะนี้เวลาได้ล่วงเลยมานานมากแล้ว หากเปรียบเทียบกับคดีอื่นคงไม่ได้ใช้เวลามากเท่าคดีนี้ แต่ทราบมาว่าทางอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายศุภชัยกับพวกรวม 12 คน เป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงเงิน ดังนั้น ต้องพิจารณาติดตามเส้นทางของเงินต่อไปว่าไปที่ใดซึ่งจะเกี่ยวเนื่องมาที่ความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและรับของโจรที่พระธัมมชโยตกเป็นผู้ต้องหาร่วมอยู่ด้วย เชื่อว่าในส่วนคดีของพระธัมมชโยนั้นจะต้องมีความคืบหน้าและมั่นใจในการทำงานของทางอัยการ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนได้มีความกังวล โดยเกรงว่าคดีของพระธัมมชโยในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและรับของโจรนี้ จะไปซ้ำรอยกับคดีในปี 2549 ที่อัยการสูงสุดได้ขอถอนฟ้องคดีของพระธัมมมชโดยจากศาลอาญา แต่ส่วนตัวมองว่าอัยการสูงสุดในปี 2549 กับอัยการสูงสุดคนปัจจุบันมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เช่นเดียวกับบริบทของของคดีที่มีข้อแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมือนกัน ตนมั่นใจว่าอัยการสูงสุดจะให้ความเป็นธรรม พร้อมทั้งเชื่อว่าจะเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของทางอัยการไม่ให้เสียหายเหมือนอย่างในปี 2549

“เชื่อว่าประชาชนคงเฝ้ารอและคาดหวังว่าการเลื่อนสั่งฟ้องคดีของทางอัยการในครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย และผลการทำงานของอัยการคงจะเห็นเป็นที่ประจักษ์ในวันที่ 30 พ.ย.นี้” นายไพบูลย์กล่าว
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น