เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (7พ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก คณะทำงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษได้มีคำสั่งเลื่อนการสั่งคดี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด และ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมกับพวกรวม 5 คน กระทำความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร จากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ เนื่องจากจะต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมที่ครบถ้วน จากพนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยทางอัยการได้นัดฟังคำสั่งครั้งต่อไป ในวันที่ 30 พ.ย. เวลา 09.30 น.
นายวันชัย บุญนาค ทนายความของ นางศรัญญา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 กล่าวว่า ลูกความของตนได้เดินมาฟังคำสั่งในคดีดังกล่าวตามนัด และเซ็นรับทราบ วันนัดฟังคำสั่งใหม่ เป็นวันที่ 30 พ.ย. เวลา 09.00 น.เรียบร้อยแล้ว ส่วนเหตุผลที่พนักงานอัยการเลื่อนสั่งคดีนั้น ตนยังไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลื่อนสั่งคดีฟอกเงินนี้ เป็นครั้งที่ 4 แล้ว นับตั้งแต่ที่พนักงานอัยการได้รับสำนวนการสอบสวนจากดีเอสไอ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 59 โดยขณะนี้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ผู้ต้องหาที่ 1 ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำฯในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ สำนวนแรก ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 8 กระทง รวม 32 ปี , พระเทพญาณมหามุนี หรือ นายไชยบูรณ์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 และนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ถูกออกหมายจับ ซึ่งยังติดตามตัวมาไม่ได้ ขณะที่ นางศรัญญา มานหมัด และ นางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 3-4 เดินทางมารายงานตัวตามนัด
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าตนได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ได้รับรายงานว่า ในส่วนของดีเอสไอ เรียบร้อยแล้ว ประเด็นใหญ่ที่เป็นประเด็นหลักนั้นสามารถสั่งฟ้องได้แล้ว
"ประเด็นใหญ่ที่มันเป็นประเด็นที่จะนำไปสู่การฟ้องศาลครบถ้วนหมดแล้ว แต่ถ้าจะไปมองเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มนิดเพิ่มหน่อย มันไม่ใช่ปัจจัยหลักของข้อมูลที่จะต้องมี หรือไม่มีก็ได้ ซึ่งสามารถไปว่ากันในชั้นศาลได้ เขาตอบผมมาอย่างนี้ " พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ส่วนที่สังคมมองว่าอาจเป็นการถ่วงเวลานั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่ทราบ จะให้ตนไปพูดได้อย่างไร ว่าใครถ่วง พร้อมกับย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า สรุปแล้ว ใครถ่วง พนักงานสอบสวน หรืออัยการถ่วง ตนเป็นรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่คุมแค่นโยบาย ซึ่งก็ได้เรียกอธิบดีดีเอสไอ มาสอบถามแล้ว เชื่อว่าสังคมก็จะพูดแบบที่พวกคุณพูด ซึ่งมันมีอยู่สองคน ที่จะถ่วง คือ พนักงานสอบสวน หรือ อัยการ ถ้าเข้าใจว่าเป็นการถ่วง ดังนั้นจะไปตอบได้อย่างไรว่า ใครถ่วง เพราะมันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม การที่อัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องนั้น ไม่เกี่ยวกับการที่ดีเอสไอ ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่งมันเป็นคนละประเด็นกัน
"ผมจะไม่ทำอะไร เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม คุณคิดว่า พล.อ.ไพบูลย์ เป็นรัฐมนตรีจะทำอะไร ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม จึงต้องไปถามอัยการกับพนักงานสอบสวน คุณจะให้รัฐมนตรีไปนั่งเป็นพนักงานสอบสวนเองหรือ ซึ่งมันทำไม่ได้ มันเป็นการไปก้าวก่ายการทำงานของเขา อีกทั้ง ทางอธิบดี เขาก็บอกผมมาแล้วว่าจุดแตกหัก จุดใหญ่ มันสอบสวนครบหมดแล้ว" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
นายวันชัย บุญนาค ทนายความของ นางศรัญญา มานหมัด ผู้ต้องหาที่ 3 กล่าวว่า ลูกความของตนได้เดินมาฟังคำสั่งในคดีดังกล่าวตามนัด และเซ็นรับทราบ วันนัดฟังคำสั่งใหม่ เป็นวันที่ 30 พ.ย. เวลา 09.00 น.เรียบร้อยแล้ว ส่วนเหตุผลที่พนักงานอัยการเลื่อนสั่งคดีนั้น ตนยังไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลื่อนสั่งคดีฟอกเงินนี้ เป็นครั้งที่ 4 แล้ว นับตั้งแต่ที่พนักงานอัยการได้รับสำนวนการสอบสวนจากดีเอสไอ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 59 โดยขณะนี้นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ผู้ต้องหาที่ 1 ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำฯในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ฯ สำนวนแรก ซึ่งถูกศาลอาญาพิพากษาจำคุก 8 กระทง รวม 32 ปี , พระเทพญาณมหามุนี หรือ นายไชยบูรณ์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาที่ 2 และนางศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ถูกออกหมายจับ ซึ่งยังติดตามตัวมาไม่ได้ ขณะที่ นางศรัญญา มานหมัด และ นางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาที่ 3-4 เดินทางมารายงานตัวตามนัด
ด้านพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าตนได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ได้รับรายงานว่า ในส่วนของดีเอสไอ เรียบร้อยแล้ว ประเด็นใหญ่ที่เป็นประเด็นหลักนั้นสามารถสั่งฟ้องได้แล้ว
"ประเด็นใหญ่ที่มันเป็นประเด็นที่จะนำไปสู่การฟ้องศาลครบถ้วนหมดแล้ว แต่ถ้าจะไปมองเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มนิดเพิ่มหน่อย มันไม่ใช่ปัจจัยหลักของข้อมูลที่จะต้องมี หรือไม่มีก็ได้ ซึ่งสามารถไปว่ากันในชั้นศาลได้ เขาตอบผมมาอย่างนี้ " พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ส่วนที่สังคมมองว่าอาจเป็นการถ่วงเวลานั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่ทราบ จะให้ตนไปพูดได้อย่างไร ว่าใครถ่วง พร้อมกับย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า สรุปแล้ว ใครถ่วง พนักงานสอบสวน หรืออัยการถ่วง ตนเป็นรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่คุมแค่นโยบาย ซึ่งก็ได้เรียกอธิบดีดีเอสไอ มาสอบถามแล้ว เชื่อว่าสังคมก็จะพูดแบบที่พวกคุณพูด ซึ่งมันมีอยู่สองคน ที่จะถ่วง คือ พนักงานสอบสวน หรือ อัยการ ถ้าเข้าใจว่าเป็นการถ่วง ดังนั้นจะไปตอบได้อย่างไรว่า ใครถ่วง เพราะมันเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม การที่อัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องนั้น ไม่เกี่ยวกับการที่ดีเอสไอ ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่งมันเป็นคนละประเด็นกัน
"ผมจะไม่ทำอะไร เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม คุณคิดว่า พล.อ.ไพบูลย์ เป็นรัฐมนตรีจะทำอะไร ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม จึงต้องไปถามอัยการกับพนักงานสอบสวน คุณจะให้รัฐมนตรีไปนั่งเป็นพนักงานสอบสวนเองหรือ ซึ่งมันทำไม่ได้ มันเป็นการไปก้าวก่ายการทำงานของเขา อีกทั้ง ทางอธิบดี เขาก็บอกผมมาแล้วว่าจุดแตกหัก จุดใหญ่ มันสอบสวนครบหมดแล้ว" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว