xs
xsm
sm
md
lg

“ขวัญสรวง” จ่อร้อง มท.1 ค้านสร้างสะพานข้ามแม่น้ำรัฐสภาใหม่ ฉะ กทม.หวังผลาญงบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ขวัญสรวง อติโพธิ (แฟ้มภาพ)
สถาปนิกออกแบบสภาฯ เกียกกาย เตรียมพบ “บิ๊กป๊อก” ตรวจสอบแบบสร้างสะพานข้ามแม่น้ำขนานอาคาร เชื่อไม่ก่อประโยชน์ แถม กทม.หวังผลาญงบ แฉทำพฤติกรรมเตะถ่วง ใช้งบมหาศาล เป็นมลทินรัฐสภา ทำผังเมืองวุ่นวายไปกันใหญ่ ย้อนเป็นชาติเดียวที่สร้างรถไฟฟ้าพร้อมทางด่วน ไม่แก้ปัญหาจราจร ย้ำค้านเพื่อประโยชน์ชาติ

วันนี้ (13 พ.ย.) นายขวัญสรวง อติโพธิ อาจารย์พิเศษประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งในการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำบริเวณอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่แยกเกียกกายว่า การสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ที่เกียกกายนั้นถูกยื้อระยะเวลามานานจากสาเหตุหลายปัจจัย มีคนหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จนล่าสุดสมาคมสถาปนิกที่ได้ออกแบบโครงสร้างของอาคารรัฐสภาได้ร่วมประชุมกันและจะมีการเข้าพบ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายขวัญสรวงกล่าวต่อว่า ถอยกลับมามองถึงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งนี้ หากพูดถึงงบประมาณในการก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นที่ดิน ค่าเวนคืน ราคาเกือบ 4 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อมีการประกวดแบบการก่อสร้างก็มีผู้ชนะด้วยเหตุผลด้านรูปลักษณ์เป็นสำคัญ และความสง่าราศี ที่ตรงบริเวณเกียกกายคือที่ที่ทางจุฬาฯ เขาชี้มา เพราะอาคารรัฐสภาก็ถือว่าเป็นหน้าเป็นตา เป็นเกียรติ ต้องปรากฏตัวให้สวยมากๆ แบบที่เขาชนะมาก็ไม่สงสัยเพราะออกแบบได้สวย และที่สำคัญทั้งสองทางติดทางถนนและทางน้ำด้วย ฝั่งน้ำก็ถือเป็นที่ว่างที่สามารถแสดงตัวได้รอบด้าน

ขณะที่เรื่องของ กทม.ที่มีความพยายามจะสร้างสะพานปัญหาดังกล่าว กทม.ก็คือข้าราชการที่มีหน้าที่ชอบหางานประจำ เช่น ฝ่ายโยธาก็จะหาสะพานมาสร้าง แต่ผังเมืองของ กทม.ถูกสร้างมาแบบหยาบๆ ไม่ได้ถี่ มันก็จะมีสะพานอยู่ไม่กี่อัน แล้วนานไปสะพานก็อยู่กับเมืองไม่กี่อัน ซึ่งก็มีสะพานตกน้ำอยู่หลายแห่ง เช่น สะพานลาดหญ้า-มหาพฤฒาราม สะพานถนนจันทน์-เจริญนคร สะพานราชวงศ์-ท่าดินแดง

“อย่างสะพานเกียกกายที่ กทม.หยิบยกขึ้นมาว่าเป็นสะพานตกน้ำอีกอันหนึ่ง แต่การสร้างสะพานดังกล่าวมาชนกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่ถูกดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งก็มี พ.ร.บ.ควบคุมอาคารรอบๆ ว่าต่อไปอย่าให้มีอะไรมาทำให้อาคารเสื่อมลง มีหลักควบคุมความสูง แต่ก็ปรากฏว่า กทม.ทำพฤติกรรมเตะถ่วง สภาก็สร้างไปเรื่อยๆ” นายขวัญสรวงกล่าว
นายขวัญสรวงกล่าวต่อว่า ยิ่งในขณะนี้ภาพลักษณ์ของการเมืองไม่ดีต่อสังคม เพราะฉะนั้นสภาใหม่ไม่มีใครให้ความสนใจ ไม่ว่าจะสวยแค่ไหนแต่คนไม่ให้คุณค่า แต่เชื่อว่าถ้ามีโอกาสเกิด มันจะมีพลังที่จะปกป้องตัวเองได้ว่าอาคารนี้จะเป็นเกียรติเป็นศรีได้ แต่มันยังไม่ปรากฏตัว แล้วตกที่นั่งของอารมณ์สังคมด้วย เพราะในการที่จะคุยกันให้ถูกต้องว่าการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่จะมาบดบังความสวยงามของอาคารรัฐสภานั้นจะทำให้รูปลักษณ์ของอาคารรัฐสภาเสียหาย มีแต่พวกองค์การวิชาชีพที่เขาเห็นความเสียหายดังกล่าว แต่สาธารณชนไม่มีใครสนใจ แต่ถ้ามีคนบอกว่าจะทำสะพานเฉียดพระปรางค์วัดอรุณ รับรองคนลุกฮือแน่นอน และโดยเฉพาะสะพานเส้นนี้จะกินระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร งานนี้ไม่ใช้ง่ายๆ ตัดมาจากสะพานควาย ในแง่เทคนิคไม่ได้ง่าย งบประมาณในการสร้าง ในการเวนคืนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งกำลังจะออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืน พยายามจะดึงดันทำให้ได้ เพราะฉะนั้นในตอนนี้มีเรื่องความสมประโยชน์ในหลายๆ อย่าง คิดได้อย่างไรที่อยู่ดีๆ จะให้คนอยู่สะพานควายข้ามมาฝั่งธนบุรี และพอไปดูภาพรวมของสะพานและอุโมงค์ทั้งหมดนั้น ตนคิดว่าสะพานเกียกกายไม่มีความจำเป็นอย่างที่สุด

“ในส่วนของคณะผู้ออกแบบนั้น พวกเขาไม่ได้หวงแบบ เพราะถือว่าเป็นงานหลวงที่ผ่านการประกวดไปแล้ว ที่สำคัญใช้เงินหลวงด้วย ในตอนนี้เขาก็พยายามใช้หลักวิชาการ วิชาชีพสู้ ว่ากันตรงเฉพาะสะพาน เพราะเขาเห็นว่าสะพานดังกล่าวสามารถทำได้ทางเลี่ยงได้ถึง 4 แบบ แต่ทาง กทม.กลับไม่ศึกษา” นายขวัญสรวงกล่าว

นายขวัญสรวงกล่าวต่อว่า ทางสถาปนิกที่ออกแบบเห็นว่าการสร้างสะพานดังกล่าวเป็นการพังแบบของอาคารรัฐสภาทั้งหมด และที่สำคัญคือหลักในด้านความปลอดภัยของตัวอาคารอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการก่อการร้าย ที่กรมสรรพาวุธเขาเห็นว่าผู้ร้ายสามารถยิงลงมาจากสะพานดังกล่าวได้อย่างง่ายดาย

“ผมเชื่อว่าสะพานเกียกกายจะเป็นมลทินให้แก่อาคารรัฐสภา เรื่องใหญ่ของการสร้างสะพานอีกอย่างหนึ่งก็คือ การสร้างสะพานจะยิ่งทำให้ผังเมืองยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่ หากจะสร้างสะพานตามถนนที่ตัดกันอย่างไม่มีแบบแผน เมืองก็ยิ่งจะกระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ที่มันสวนทางกับหลักผังเมืองที่จะต้องทำให้เมืองมีความหนาแน่น และเปิดโอกาสให้ไปใช้รถไฟฟ้ากันเยอะๆ ต้องทุเลารถ คุมการใช้รถให้ได้ นี่คือหลักในการแก้ไขปัญหาจราจร แต่บ้านเรากลับไม่มีใครพูดถึง ประเทศเราเป็นประเทศเดียวที่มีการสร้างรถไฟฟ้าพร้อมกับสร้างทางด่วน แล้วสุดท้ายรถไฟฟ้าใครจะขึ้น นี่คือภาพใหญ่ที่เราไม่มีความคิดหลักการอันนี้อยู่เลย หลักในการสร้างสะพานเกียกกายของ กทม.คือทุเลาการใช้สะพานอื่น เพิ่มความสะดวกสบายในการข้ามไปฝั่งธนบุรีดีขึ้น เหตุผลแบบนี้ใครๆ ก็พูดได้ ผมก็พูดได้ แต่ในแง่ของความจริงเป็นอย่างไรรั้รตรงนี้คือปัญหาที่มองในภาพรวมก็ต้องเกาหัว มองในเฉพาะสะพานก็มีปัญหา ในส่วนของคนจากฝั่งสภาก็ไม่มีใครยื้อหรือแย้ง เพราะพูดกันตรงๆ ก็เป็นพรรคพวกกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้เจ้าของงานคือรัฐสภา แต่กลับเป็นพวกเดียวกับผู้รับเหมา มีที่ไหนในโลก จึงทำให้กลุ่มผู้ออกแบบเขาก็พยายามค้าน อย่างเรื่องระยะเวลาในการก่อสร้างก็เห็นชัดว่าสร้างไม่ทัน เสียหายงบประมาณไปอีกเยอะแยะ ค่าโง่เกิดขึ้นตลอด ในแง่จุดสูงสุดของเราเต็มที่แล้วในการคัดค้านการก่อสร้างสะพานเกียกกาย แต่เราก็ต้องสู้เพื่อผลประโชน์ของประเทศชาติถึงสุดท้ายจะคัดค้านไม่ได้” นายขวัญสรวงกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น