ป้อมพระสุเมรุ
แหม่!! ตั้งใจจะใช้จังหวะนี้เหวี่ยงหมัดใส่รัฐบาล“นายกฯลุงตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียหน่อย เพราะอะไรหลายอย่างดูจะเข้าทาง“พรรคเพื่อไทย”เสียเหลือเกิน หลังราคาข้าวเปลือกตกต่ำเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี ชนิดที่ชาวนา ต้องอาศัย E - Commerce เอาข้าวมาประกาศขายตรงกันในโลกออนไลน์ทีเดียว
แถมยังเป็นเรื่องความเดือดร้อนที่ไม่ต้องไปประโลมชาวบ้านชาวช่องให้มากความ เพราะพร้อมจะมี “อารมณ์ร่วม”ในการออกมากระทุ้งรัฐบาลในฐานะที่ต้องดูแลชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน แต่กลับให้ราคาข้าวดิ่งลงเหวเสียอย่างนั้น
ปล่อยไว้อย่างนี้ นักการเมืองไม่ต้องปลุก เดี๋ยวชาวนาลุกมาก่อม็อบกันเอง
นอกจากนี้ เรื่องข้าวยังเป็นทีเด็ดของรัฐบาล “คุณหนูปู”ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ใช้ประคบประหงมบรรดาแฟนคลับตัวเองว่า เป็นนโยบายที่วิเศษวิโส ไม่ได้โกง หรือทำเจ๊งเหมือนที่ฝ่ายตรงข้ามตีปี๊บตั้งแต่ก่อนรัฐประหารจนมาถึงปัจจุบัน
เรียกว่า พออะไรๆ มันพอดิบพอดี “ยิ่งลักษณ์”ก็กระโจนใส่ แบบไม่ต้องลังเล เพราะงานง่ายไม่ต้องออกแรงมาก เซ็ตฉากตามที่ตัวเองถนัด แค่นั้นวันรุ่งขึ้น ก็เป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งทุกฉบับ กับฉากตาแดงกร่ำ ร้องไห้โฮ ที่เห็นชาวนาต้องตกระกำลำบาก
ช็อตที่ “ยิ่งลักษณ์”เจียดเวลาวิ่งรอกขึ้นศาล ลงพื้นที่ไปพบชาวนาที่จังหวัดแถบอีสานใต้ ต้องบอกว่า ใครเห็นใครก็สงสาร ตัวเองกำลังโดนคดีอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแท้ๆ หนำซ้ำกำลังจะโดนยึดทรัพย์อีก 3 หมื่นกว่าล้านบาท ยังอุตส่าห์ลงมาพบชาวนา
แฟนคลับเสื้อแดงเห็นนี่แห่กดไลค์รัวๆ แทบไม่ทัน “นายกฯหญิง”คนดีที่ถูกชายชาติทหารรังแก นี่ถ้าไม่อยู่ในบรรยากาศที่ประเทศไทยกำลังโศกเศร้าน่าคิดเหมือนกันว่า “ยิ่งลักษณ์”จะทำสเตปอย่างไรต่อไป กับช็อต “ดรามาสตอรี”แห่งปี
ทว่าบังเอิญแม้จังหวะจะพอดี ทั้งเรื่องข้าวและเรื่องความเดือดร้อนมาบรรจบกัน ซึ่งจะว่าไปเป็นสูตรสำเร็จตายตัวในการทำ “ม็อบการเมือง”ที่ถ้ารัฐบาลไหนเจอมุกนี้ บอกตรงๆ ว่ารอดยาก แต่คราวนี้ ทำอะไร“รัฐบาลบิ๊กตู่”ไม่ได้เท่าไหร่ เพราะเงื่อนไขได้ก็จริง แต่บรรยากาศมันไม่ใช่
แล้วต้องบอกว่า “รัฐบาลลุงตู่”ฉลาดเล่นกับสถานการณ์เหมือนกัน คราวนี้แก้เกมได้เร็ว พอรู้ว่า ข้าวราคาตก รีบเรียกประชุม คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อหามาตรการช่วยเหลือทันที แม้จะโดนค่อนแคะบ้างว่า คล้ายคลึงกับโครงการรับจำนำข้าวของ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์”แต่ก็เอาภาพลักษณ์เรื่องความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นเกราะป้องกัน
พอออกมาตรการที่เหมือนเป็น “ยาคลายกล้ามเนื้อ”เสร็จ ก็จัดการนวดเบาๆ โดยการต่อยอดปรากฏการณ์ของคนในสังคมที่ออกมาเห็นอกเห็นใจชาวนาและช่วยกันรับซื้อข้าว โดยรัฐใช้กลไกในมืออย่างทหาร กระโดดลงไปรับซื้อข้าวเพื่อให้กำลังพลกิน
เสร็จเท่านั้นยังไม่พอ ใช้ภาพลักษณ์ความเป็น “ฮีโร่”ของทหาร ลงไปช่วยชาวบ้านในเก็บเกี่ยวข้าวที่ถูกน้ำท่วม เพื่อแสดงให้รู้ว่าไม่ได้ทอดทิ้ง แต่พยายามช่วยตลอด
แล้วยังเอากลไกในมือ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ เข้าไปแจมกับกิจกรรมต่างๆ ทั้งอำนวยความสะดวกเรื่องสถานที่จำหน่ายข้าว หรือจัดกิจกรรมรับซื้อข้าว เพื่อให้เห็นว่า นาทีนี้ทุกคนไม่ได้ทอดทิ้งชาวนา ซึ่งก็ถือว่าได้ผลพอสมควร เพราะลดโทนสถานการณ์ที่ตอนแรกทำท่าจะเขม็งเกลียวไปได้
เอาเป็นว่า รอบนี้ “รัฐบาลบิ๊กตู่”ไว ส่วนหนึ่งคงน่าจะถอดบทเรียนจากในอดีตที่ผิดพลาดบ่อย!
แต่คนที่ซวยจริงๆ ไปๆ มาๆ กลับเป็น “หนูปู”นี่แหละ ที่ตอนแรกทำท่าเหมือนจะเป็น“แม่พระ” แต่ที่ไหนได้ตั้งแต่วันที่เธอลงพื้นที่อีสาน ทีมงานแกะรอยพยายามจับผิดหลายจุด เพื่อแฉว่า นี่คือฉากลวงโลกฉากใหญ่ ที่มีการเซ็ตกันมา ไม่ได้เป็นธรรมชาติเสียเลย
โดยเฉพาะ “มือปราบโกงข้าว”นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาจับโกหก“หนูปู”กันได้หลายจุด
ตั้งแต่ฉากขายข้าวสารหอมมะลิ ราคากิโลกรัมละ 20 บาท ของชาวนา ที่ จ.อุบลราชธานี ได้รับการยืนยันจากชาวอุบลฯ ว่าเป็นการจัดฉากจริง เพราะหลังจากฉาก “ยิ่งลักษณ์”ลงซื้อข้าวราคาถูก ในวันถัดมาจนปัจจุบันก็ไม่มีการขายข้าวที่เดิมอีกเลย มีแต่ร้านขายฝักบัว ซึ่งแทนที่วันนั้น “ยิ่งลักษณ์”จะมาช่วยซื้อสินค้าอื่นๆ ด้วย แต่ก็ซื้อแต่ข้าว ราวกับนัดแนะกันมา
นอกจากนี้ อีกจุดที่ “หมอวรงค์”แฉคือ รูปแบบการบรรจุข้าวถุง ไม่น่าใช่ข้าวสารจากชาวนา เพราะการบรรจุต้องเป็นโรงสีขนาดใหญ่ เพื่อส่งต่อลูกค้า รวมทั้งส่งต่างประเทศ ที่ตลกร้ายคือ การนำข้าวสารหอมมะลิ มาขายเพียงกิโลกรัมละ 20 บาท ในขณะที่ราคาทั่วไปกิโลกรัมละ 30-35 บาท เท่ากับ “ยิ่งลักษณ์”กำลังทุบราคาข้าวสารหอมมะลิเสียเอง ไม่ใช่การช่วย
ต่อให้ “ยิ่งลักษณ์”จะแจงภายหลังว่า เป็นข้าวไม่ได้คัดเกรด ยิ่งเป็นการประจานไปกันใหญ่ เพราะไม่มีชาวนาที่ไหนคัดเกรดข้าว ที่สำคัญเลยที่แทบจะล้มฉากดราม่าครั้งนี้คือ ชาวนาที่มา บางคนหน้าคุ้นมาก แถมบางคนยังหน้าใสแจ๋ว ไม่เหมือนตากแดดตากลม
ดังนั้น“ยิ่งลักษณ์”ต้องตอบให้ได้ว่า ซื้อข้าวมาจากชาวนาที่ไหน ถ้าตอบไม่ได้ ยอมจำนน ต้องสารภาพมาเลยว่า ซื้อมาจากโรงสีที่ไหน ไม่เช่นนั้นเธอจะหนีข้อครหาไม่พ้น
ช็อตนี้แทนที่จะได้คะแนน“วีรสตรี” กลายเป็นว่า เธอกำลังจะเป็น “เทพธิดาลวงโลก” แล้วไม่ใช่ออกมาช่วย แต่กำลังซ้ำเติมชาวนาให้ชอกช้ำไปอีก
ไม่เพียงเท่านั้น “นักสืบโซเชียล”ก็ยังตาดี ไปสะดุดกับชาวนาคนหนึ่ง หน้าตาคลับคล้ายคลับคลาเหมือน“คุณป้าไม่ทราบชื่อ”ที่โผล่มาทุกๆ อีเว้นต์ ของคนเสื้อแดง จนได้รับขนานนามว่า“คุณป้า 500 จ๊อบ”อีกด้วย ยิ่งเพิ่มน้ำหนักว่างานนี้มันไม่ธรรมชาติ มีการ“จัดฉาก”มาอย่างแน่นอน
จากพิรุธที่ออกมาไม่หยุดหย่อน ซึ่งเชื่อว่า “คุณหนูปู”ตอบไม่ได้สักคำถาม นอกจากจะให้ทีมงานออกมาแจงในอารมณ์ ไปไหนมา สามวาสองศอก ส่วนตัวเองเล่นตามบทที่เซ็ตอย่างไม่เนียนต่อไป ซึ่งก็ต้องประทานโทษว่า งานนี้ “แป้ก”อย่างไม่น่าให้อภัย
เดชะบุญ ช่วงเดียวกันมี “ดรามากราบมินิ”มาช่วยกลบประแส ไม่งั้น“คุณหนูปู”คงโดนขุดคุ้ยจนพรุนหาส่วนดีไม่ได้แน่นอน .