xs
xsm
sm
md
lg

ประธาน สพม.ชงร่าง กม.สภาพัฒนาการเมือง มีอำนาจบังคับให้ส่วนราชการต้องดำเนินการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ธีรภัทร์” นำทีมแจงร่างแก้ไข พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง ให้อำนาจนำแผนพัฒนาการเมืองแห่งชาติพร้อมบังคับใช้กับส่วนราชการ หน่วยงาน องค์กรต่างๆ และมีกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง ขณะเดียวกันยังเสนอแผนพัฒนาการเมืองฉบับที่ 2 ชู 7 ยุทธศาสตร์พัฒนาประชาธิปไตย เตรียมนำเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า

นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง (สพม.) พร้อมสมาชิก ร่วมกันแถลงถึงการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 และแผนพัฒนาการเมือง ฉบับที่ 2 ว่า การจัดทำร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมือง พ.ศ. 2551 ได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้เสนอไปยังคณะรัฐมนตรีแล้วเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2559 เพื่อพิจารณานำเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป ซึ่งมีหลักการและสาระสำคัญ ดังนี้ 1. ยกระดับสถานะและบทบาทของ สพม.เป็นสภาพัฒนาการเมืองแห่งชาติ 2. สพม.มีอำนาจหน้าที่ในการนำแผนพัฒนาการเมืองแห่งชาติไปประสานหรือบังคับใช้ เพื่อให้ส่วนราชการ หน่วยงานและองค์กรต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามแผนพัฒนาการเมืองแห่งชาติ เดิมที สพม.ไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับให้ส่วนราชการต่างๆ นำแผนพัฒนาการเมืองไปปฏิบัติ แต่ในร่าง พ.ร.บ.ที่ปรับปรุงแก้ไข ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะต้องปฏิบัติตาม และหากไม่ปฏิบัติก็อาจจะส่งผลต่อผลการปฏิบัติราชการของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งการแก้ไขในส่วนนี้จะทำให้ส่วนราชการให้ความสำคัญและจริงจังต่อการปฏิบัติราชการ ที่จะต้องสนับสนุนหรือผลักดันหลักการและกระบวนการประชาธิปไตยให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่ต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน

3. เพิ่มองค์ประกอบของสมาชิกให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม โดยเพิ่มจำนวนและที่มาของสมาชิก สพม.จากภาคเอกชน ผู้แทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนสื่อมวลชน และผู้แทนปราชญ์ชาวบ้าน จะมีสถานะเหมือนสภาพลเมืองแห่งชาติ 4. การจัดตั้งสถาบันพัฒนาประชาธิปไตย ให้เป็นสถาบันหลักของประเทศในด้านการส่งเสริมสนับสนุนระบอบประชาธิปไตย 5. มีการจัดตั้งสภาพลเมืองในระดับจังหวัดขึ้นทุกจังหวัด เพื่อเป็นพื้นที่สาธารณะให้ภาคพลเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมือง และ 6. มีกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมือง โดยให้แยกกองทุนพัฒนาการเมืองภาคพลเมืองออกจากสถาบันพระปกเกล้า และกำหนดให้เป็นอิสระในการบริหารจัดการ เพื่อช่วยเหลือกิจกรรมสาธารณะของชุมชน รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินการของกลุ่มประชาชนที่รวมตัวกันในลักษณะเครือข่ายทุกรูปแบบ

ส่วนการจัดทำแผนพัฒนาการเมือง ฉบับที่ 2 นายธีรภัทร์กล่าวว่า เป็นแผนแม่บทในการพัฒนาการเมืองในช่วง พ.ศ. 2560-2564 ซึ่งจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบในวันที่ 7 พ.ย.นี้ โดยมีวัตถุประสงค์ คือ 1. เป็นกรอบแนวคิดและกระบวนทัศน์ในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศ 2. มุ่งให้สถาบันทางการเมืองและภาคส่วนต่างๆ ในสังคมนำไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางและกรอบของการปฏิบัติงาน 3. เป็นกรอบในการกำหนดพฤติกรรมทางการเมืองของบุคคลในสถาบันทางการเมืองและภาคส่วนต่างๆ ของสังคม และ 4. เป็นแผนที่มีส่วนสำคัญในการนำทางสังคมไทยไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและความผาสุกของประชาชนภายในประเทศอย่างยั่งยืน

นายธีรภัทร์กล่าวว่า วัตถุประสงค์ทั้ง 4 ประการ แบ่งออกเป็น 7 ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในทุกด้าน ได้แก่ 1. ธรรมาภิบาลทางการเมืองและการบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี 2. การส่งเสริมความปรองดองสมานฉันท์ 3. การเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ 4. การเสริมสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเตรียมพร้อมสำหรับเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

5. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน 6. การส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียมในสังคมที่มีความหลากหลาย และ 7. การกระจายอำนาจและการบริหารจัดการทรัพยากรที่เป็นธรรม

“สพม.เห็นว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.สภาพัฒนาการเมืองที่ได้ปรับปรุงขึ้นมาใหม่ และแผนพัฒนาการเมือง ฉบับที่ 2 นี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการปฏิรูปการเมืองในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในปัจจุบัน และเป็นแนวทางในการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยของประเทศให้ไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ความผาสุกของพี่น้องประชาชนชาวไทยต่อไป”







กำลังโหลดความคิดเห็น