xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ขอให้นึกเสมอรัชกาลที่ ๙ คงอยู่ รับกลายเป็นรัฐบาลการเมือง มุ่งสร้าง ปชต.แบบไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” ขอให้ ขรก.คิดเสมอรัชกาลที่ ๙ ไม่ได้จากไปไหน ทรงทำงานไว้ให้แก่คนไทยทั้งชาติ รับ รบ.นี้เป็นการเมืองแล้ว ลั่นต้องสร้างประเทศเป็น ปชต.แบบไทย ไม่ขัดต่อสากล ชี้ประเทศอยู่ระหว่างทางแยก ล้มเหลวต่อ-อนาคตรุ่งโรจน์ ให้ทำให้ ปชช.ไว้เนื้อเชื้อใจ สั่งทุกกระทรวงบูรณาการ แซวปลัดคลังถูกคนลอบตีขาหัก ชี้ทำงานต้องมีเจ็บตัวบ้าง ชวนดูคืนความสุขฯ ชื่อใหม่ วอนรักตำรวจเหมือนทหาร แนะสื่อพักเรื่องการเมือง

วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าความรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ว่าในช่วงเวลานี้ทุกคนอยู่ในภาวะเดียวกัน อันเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคนเสด็จจากไป แต่พระองค์ยังดูในใจของพวกเราตราบนานเท่านาน ในช่วงเวลาที่เรากำลังประสบอยู่ในทุกวันนี้ ทุกคนได้ร่วมกันแสดงความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ร่วมกัน เราได้เห็นการร่วมมือ ความรักของคนทั้งในและต่างประเทศ หรือแม้แต่ชาวต่างชาติ อยากบอกกับทุกคนว่าขอให้ทุกคนนึกอยู่เสมอว่าพระองค์ท่านไม่ได้จากพวกเราไปไหน แต่พระองค์ท่านยังอยู่ ในพื้นดิน น้ำ และอากาศ ทุกๆ อย่างที่พระองค์ท่านได้ทำไว้เพื่อพวกเราทุกคน ทั้งในการสร้างสมดุลของธรรมชาติ การรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาต่างๆ พระองค์ท่านยังคงอยู่ตลอด และไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่พระองค์ทรงรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ แต่เพื่อคนไทยทุกคนตราบนานเท่านาน ทั้งนี้ ในเรื่องการพัฒนาขอให้ใช้หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปปฏิบัติตาม วันนี้ต่างประเทศเองก็ยอมรับในสิ่งที่พระองค์ได้เริ่มต้นไว้เพื่อไปสู่การพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน เพื่อมวลมนุษยชาติ เป็นสิ่งที่พวกเราภูมิใจท่ามกลางความโศกเศร้า

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่าว่า วันนี้ประเทศกำลังอยู่ในระหว่างสองทางแยก คือจะล้มเหลวต่อไปหรือไม่ หรือจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องมาพูดคุยกันเพื่อกำหนดทิศทางในการเดินหน้าประเทศ การทำงานฝ่ายการเมือง รัฐบาลนี้เข้ามาทำงานในแบบของเรา แต่ก็กลายเป็นการเมือง แต่เป็นการเมืองในแบบของเรา เราจำเป็นต้องมีประชาธิปไตยในแบบของเราที่ไม่มีความขัดแย้ง มีความสมดุลกับต่างประเทศ ทั้งหมดต้องสร้างความเข้าใจ และรักษาสิ่งที่เราต้องการไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะเราเป็นประเทศที่มีความภาคภูมิใจมาโดยตลอด เป็นประเทศที่มีอิสรเสรี แม้บางครั้งจะมากไปแต่ก็ต้องค่อยๆ แก้ เพราะไม่มีใครผิดหรือถูก เว้นแต่กฎหมายจะชี้ชัดออกมา ตนต้องให้ประเทศมีทิศทาง มีธรรมาภิบาล มีการตรวจสอบถ่วงดุล โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ในการใช้จ่ายงบประมาณนั้นเราไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย แต่เราต้องการให้ประเทศมีรายได้สูงขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้าราชการทุกคน เพราะประชาชนต่างรอความหวัง หลายอย่างอาจจะไม่เข้าใจและต้องการผลที่รวดเร็ว แม้รัฐบาลจะทำให้ไม่ได้ทั้งหมดแต่จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด มีความเชื่อมโยงถึงอนาคต ไม่ใช่ปล่อยให้ขาดวิ่น หรือขึ้นอยู่กับว่าใครจะมาทำหรือเป็นรัฐบาล เพราะถ้าปล่อยไว้ปัญหาก็จะเป็นเช่นนี้ตลอด

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศเราอยู่ได้ด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลและธรรมาภิบาล โดยมีข้าราชการนำไปสู่การปฏิบัติ รัฐบาลต้องบริหารงานให้สอดคล้องกับความต้องการและงบประมาณของแผ่นดิน บางอย่างต้องปรับแก้ แต่ต้องสร้างความรับรู้ให้ประชาชนและสังคม วันนี้ต่างประเทศมองดูว่าประเทศไทยจะเดินไปอย่างไร และเราขัดแย้งกับประชาธิปไตยสากลไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศประชาธิปไตย เราต้องทำให้ประชาธิปไตยของไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะต้องเป็นความเข้มแข็งทั้งในแบบสากลและแบบของไทย โดยต้องไม่มีความขัดแย้ง ปัญหาต่างๆ จะเกิดขึ้นอีกไม่ได้นับแต่นี้เป็นต้นไป เพราะทุกคนคงไม่อยากและไม่ยอมให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก

นายกฯ กล่าวว่า ที่รัฐบาลนี้อยู่เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเหมือนเดิม เป็นคนละเรื่องกับความไม่ไว้วางใจว่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชัน การเอื้อประโยชน์ เพราะถ้าเจอปัญหาดังกล่าวขอให้มีการสอบสวนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้น การทำงานต้องสร้างความรับรู้แก่ประชาชนให้เกิดความเข้าใจ อย่าปล่อยให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวง และเมื่อได้มีโอกาสไปต่างประเทศตนก็พยายามชี้แจงทำความเข้าใจว่าเรากำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาประเทศซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ความจริงประเทศไทยวันนี้ต้องก้าวหน้าไปไหนสักดวงดาว แต่ทำไมยังอยู่ที่เดิม ดังนั้น ทุกคนต้องเรียนรู้ ตนยังต้องเรียนรู้เพราะเป็นทหารมาตลอดชีวิต จึงต้องศึกษาต้องอ่านหนังสือดูโทรทัศน์ ฟังข้อมูลจากต่างประเทศและนำมาประมวล นั่นคือความแตกต่างของการเป็นผู้นำทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะตน เป็นผู้นำไปสู่ความเจริญในอนาคต เพราะทุกคนคือห่วงโซ่เดียวกัน ที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลและ คสช.คิดด้วยกันมาตลอด ไม่เช่นนั้นคงทำงานไม่ได้ถึงวันนี้ หากทำแบบเดิมเซ็นส่งเดชก็จะเหมือนเดิม ในเมื่อทุกคนให้ตนมาทำตรงนี้หรือให้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ให้ไม่ให้ก็จะทำเพื่อแผ่นดินเพื่อประเทศของตนและพวกท่าน ตนไม่ได้หวงความจงรักภักดีไว้คนเดียว คนไทยทุกคนต้องเป็นอย่างตน เอาในส่วนที่ดี สิ่งที่ไม่ดีอย่าเอาเป็นตัวอย่าง เพราะตนไม่ดีสุดยอดอยู่แล้ว สิ่งสำคัญถ้าเราคิดว่าประชาชนคือศูนย์กลาง ทุกอย่างจะทำได้หมด และการจะทำอะไรก็ตามนั้นจะใช้อำนาจและกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคิดว่าจะช่วยกันอย่างไร ทุกวันตนไม่เคยหยุดคิด อ่านและคิดวิเคราะห์ วันนี้เราหยุดอะไรไม่ได้ รัฐมนตรีทุกคนทำงานไม่มีหยุดเพราะตนสั่ง ดังนั้น ปลัดอธิบดีทุกกระทรวงต้องมีวิสัยทัศน์กรอบการทำงาน โดยนำนโยบายกรอบใหญ่ไปคิดเพิ่ม

“รัฐบาลวันหน้าหรือต่อๆ ไปต้องเป็นรัฐบาลที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวก กำหนดนโยบายสร้างความร่วมมือ ขจัดอุปสรรคต่างๆ ทั้งหมดให้กับการทำงาน หน้าที่รัฐบาลมีแค่นั้น ส่วนเอกชนมีหน้าที่นำสิ่งที่รัฐบาลเปิดไว้แล้วไปเดินคู่ขนาน ไม่ใช่อะไรก็รัฐบาล หากไม่ทำก็จบหมด จึงมีคำกล่าวจากภาคธุรกิจเอกชนว่าที่ผ่านมาแทบไม่ได้พึ่งรัฐบาล เขาทำของเขาเอง ผมคิดว่าเป็นคำพูดที่น่าอับอาย เพราะมีผลกระทบถึงข้าราชการทุกคน นั่นคือสิ่งที่อยากให้คิด แต่มันคงไม่ถูกนัก เราก็ทำแต่มันไม่ตรงกับที่เขาต้องการ ฉะนั้นต้องเกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง วันหน้าจะต้องเกิดทั้งรัฐบาล พรรคการเมือง ข้าราชการประชาชน ต้องเดินไปด้วยกัน” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า จากนี้ไปทุกรัฐบาลต้องเป็นรัฐบาล 4.0 เชื่อมแผนแม่บทเดิมและใหม่ รวมถึงต้องสร้างความเข้าใจ เนื่องจากบางคนทำเพราะความเคยชิน และอย่าไปว่าประชาชนมีรายได้น้อย เพราะเราทำให้เขาเป็นแบบนี้ เราผ่านวันเวลามาร่วมกัน เป็นความชอบร่วมกัน โทษใครไม่ได้ เพราะเรามีประชาธิปไตยแบบนี้ ที่ผ่านมาเลือกเขามาแล้วเขาทำได้แบบนี้ แล้วเราก็เลือกเขาไปเรื่อยๆ มันก็จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ตนไม่รู้ อย่าหาว่าตนไปว่านักการเมือง ไม่อยากพูดเรื่องการเมือง ปลัดกระทรวงการคลังงานหนักไปหรือเปล่า ขาหักไปแล้วหรือถูกใครลอบตี แน่นอนมันต้องมีคนเจ็บตัว มันต้องมีคนเปลืองตัวบ้าง ถูกด่าถูกว่า ข้าราชการหลายคน หลายหน่วยไม่ค่อยมีกำลังใจ ตนก็ให้กำลังใจบอกให้ใจเย็น ดูแลกัน แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก เห็นใจ ก็ต้องดูแล ยังไม่รู้ว่ากฎหมายจะว่าอย่างไร

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สำหรับรายการคืนความสุขให้คนในชาติในวันนี้ ตนได้เปลี่ยนชื่อรายการใหม่ เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงทุกข์โศก เป็น “ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน” โดยนำสิ่งที่เราทำผ่านมา 3 ปีมาดูว่าตรงกับสิ่งที่พระองค์ท่านมีพระราชดำริอย่างไร แล้วจะเข้าใจสิ่งที่รัฐบาลเดินมาทั้งหมดเป็นอย่างไรเข้าแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ต่อไปนี้สื่อเสนอข่าวแบบนี้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรม สังคม เด็กแว้นต้องช่วยกันแก้ปัญหา ดูแล มิเช่นนั้นจะถูกจับกุม ดำเนินคดีแล้วก็ไม่เคยเข็ด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ลำบาก ถามว่าประชาชนรักตำรวจกี่เปอร์เซ็นต์ รู้หรือไม่ว่าทำไมประชาชนไม่ชอบตำรวจ เพราะตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย เป็นคนต้องรบกับประชาชน จับประชาชน ทำไมประชาชนรักทหารมากกว่าตำรวจ ตนไม่เห็นด้วยกับตรงนี้ เพราะอยากให้รักเท่ากัน เพราะทหารไม่ได้ไปจับประชาชน จึงอยากให้เข้าใจ ไม่มีใครต้องการทำร้ายประชาชน และส่วนตัวยิ่งไม่เคยคิด

“ต้องขอความร่วมมือจากพรรคการเมืองทุกพรรค ประชาชนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับรัฐบาลได้อย่างไร หากปัญหายังคงเป็นเหมือนเดิมจะอันตรายต่อข้าราชการและประชาชน ดังนั้น ประชาชนซึ่งมีอำนาจเป็นของตัวเอง ต้องเรียนรู้ หากไม่เกิดปัญหาขึ้นในประเทศไทย ผมคงไม่เข้ามา ไม่อยากให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก ประชาชนต้องมีความเข้มแข็ง มีมาตรการป้องกันตัวเอง วันนี้ไม่อยากให้มีประเด็นการเมือง ประเทศไทยมีแต่คนอยากเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเพราะเป็นที่ที่ดีที่สุด แต่ก็ยังมีคนที่ไม่อยากอยู่เหมือนกัน ซึ่งเป็นคนไทยบางคนที่ไปอยู่ต่างประเทศ แล้วยังด่าประเทศตัวเองทุกวัน ตรงนี้ผมทนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ว่าใคร สื่อฯวันนี้อย่าเขียนเรื่องการเมือง เพราะวันนี้ไม่มีเรื่องการเมือง เขียนเฉพาะเรื่องที่รัฐบาลได้ทำงาน แนวทางพระราชดำริ ให้เข้ากับสถานการณ์ อย่าเพิ่งรบกันเลย ขอเวลาก่อน ขอทำความสงบหน่อย รัฐมนตรีก็ต้องช่วยกัน อย่าเป็นอื่น อย่าชอบไม่ชอบใคร อย่าเกลียดคนนั้นคนนี้ พอได้แล้ว ถ้าจะเกลียดให้เกลียดตัวเอง จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น” นายกฯ กล่าว











กำลังโหลดความคิดเห็น