“วิษณุ” เปิดช่องแก้ กม.ยุทธศาสตร์ แจงคดี “เริงชัย” ฟ้องศาลแพ่งเพราะอายุความ

รองนายกฯ ประชุมหารือ กม.รับ รธน.ใหม่ ห่วงทำ กม.ยุทธศาสตร์ชาติ-แผนปฏิรูปช้า ปลดล็อก รบ.ใหม่แก้ กม.ยุทธศาสตร์ได้ เผย รบ.รอเขียนคำปรารภหลัง กรธ.ส่งร่าง รธน.ให้ 11 ต.ค.นี้ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายก่อน 9 พ.ย. แจงคดีอดีตผู้ว่าฯ ธปท. รบ.ยุคนั้นฟ้องศาลแพ่ง เหตุมีข้อจำกัดเรื่องอายุความ หลัง “ทนายยิ่งลักษณ์” นำมาเปรียบเทียบ

วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 16.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือกฎหมายตามรัฐธรรมนูญว่า เป็นการประชุมเพื่อเตรียมการรองรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยในช่วงปีครึ่งที่เหลือมี 4 กลุ่มที่ต้องทำ คือ 1. การผลักดันกฎหมายกว่า 100 ฉบับ 2. การออกกฎหมายให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำนวน 59 ฉบับ 3. การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญสามารถทำได้ทันที ไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ซึ่งมีอยู่ 30 เรื่อง เช่น การเรียนฟรี 15 ปี และ 4. การทบทวนประกาศและคำสั่ง คสช.ทั้งหมดว่ามีอะไรบ้างที่ควรยกเลิก หรือปรับเป็นกฎหมายธรรมดา หรือปล่อยทิ้งไว้ ซึ่งมีกว่า 400 ฉบับ แต่คำสั่ง คสช.ครึ่งหนึ่งได้หมดสภาพไปในตัวเองแล้ว และที่ประชุมได้ทำบัญชีว่าจะต้องออกกฎหมายอะไรบ้าง ภายในเวลาเท่าไหร่ ซึ่งทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้รับทราบแนวทางเรียบร้อยแล้ว โดยมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมติดตามเร่งรัดให้ทันตามกรอบเวลา

นายวิษณุกล่าวต่อว่า ส่วนกฎหมายที่ต้องออกให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มี 2 ฉบับที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ คือ กฎหมายจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และกฎหมายแผนขั้นตอนการปฏิรูป โดยทั้ง 2 ฉบับนั้นเนื้อหาของรัฐธรรมนูญได้บังคับให้มีการยกร่างขึ้นมาใหม่ และให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา ก่อนส่งต่อให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายซึ่งต้องใช้เวลา 120 วัน ซึ่งในกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ รัฐบาลในอนาคตสามารถเข้าปรับเปลี่ยนแผนได้ กฎหมายไม่ได้ล็อกให้รัฐบาลเลือกตั้งต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีวางเอาไว้

นายวิษณุยังกล่าวถึงขั้นตอนการทูลเกล้าฯร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์มาให้รัฐบาลในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ โดยรัฐบาลมีหน้าที่เขียนคำปรารภ ซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน และต้องนำทูลเกล้าฯ ถวายก่อนวันที่ 9 พฤศจิกายน

นายวิษณุกล่าวถึงกรณีที่นายนพดล หลาวทอง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ให้นำเอาคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่วางบรรทัดฐานใหม่ว่า การต้องปฏิบัติหน้าที่ ต่อการตัดสินใจ ด้านนโยบายนั้นคิดเป็นกำไร ขาดทุนไม่ได้ แต่รัฐบาลนี้ใช้คำสั่งทางปกครองรวบรัดให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดทันที แทนการใช้วิธีฟ้องศาลแพ่งว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ต้องสู้คดีไปตามกระบวนการปกติเช่นเดียวกับกรณีของนายเริงชัย ตนไม่ทราบรายละเอียดสำนวนคดี ส่วนกรณีของนายเริงชัยนั้นเดิมมีแนวคิดที่จะใช้กฎหมายความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ถ้าใช้จะไม่ทันเวลาเพราะต้องรีบส่งสำนวนฟ้อง หากใช้กฎหมายความรับผิดทางละเมิดจะต้องตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นเมื่อตรวจสอบเสร็จต้องส่งไปให้กรรมการชุดที่ 2 ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางพิจารณา ซึ่งหากใช้วิธีนี้จะเสียเวลาในขั้นตอนของคณะกรรมการซึ่งจะใช้เวลาพิจารณาและอาจส่งฟ้องไม่ทันเวลา และข้อจำกัดเรื่องเวลาที่จะต้องยื่นฟ้องร้องภายในเวลา 1 ปีนั้น ทำให้รัฐบาลขณะนั้นจึงเลือกใช้วิธีฟ้องศาลแพ่ง เพื่อรักษาอายุความ