เมืองไทย 360 องศา
เหมือนอย่างที่บางคนตั้งข้อสังเกตเอาไว้ก็เป็นได้ ก็คือ สำหรับเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่มีตั้งแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พานทองแท้ ชินวัตร มาจนถึงสมาชิกพรรคเพื่อไทยระดับที่มีชื่อ ไปจนถึงระดับพวก “เกรดรอง” ลงมาจนถึงพวกแกนนำมวลชนแบบพวก นปช. อย่างเช่น จตุพร พรหมพันธุ์ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นต้น คนพวกนี้ที่กำลังโดนคดีทางกฎหมายจนอ่วม จนทำให้น่าจับตาว่าต้อง “ทำให้ป่วน” เท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ลุ้นให้รอด
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณารวบรวมจากจำนวนคนที่ถูกดำเนินคดี ถูกบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง ถูกถอดถอนหรือกำลังอยู่ในขั้นพิจารณาถอดถอน บางคนกำลังจะถูกศาลไต่สวนคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว รวมไปถึงหลายคนที่ทยอยเข้าคุกกันไปแล้ว และยังมีบางคนที่กำลังลุ้นอยู่ข้างนอก เมื่อนับดูแล้วคร่าว ๆ รวมกันก็น่าจะร่วม ๆ ร้อยคนเข้าไปแล้ว แบบนี้มันเหมือนกับว่า “ตายเกือบยกพรรค” จริง ๆ
เอาแค่เรื่องถอดถอนจากกรณีเสียบบัตรแทนกัน กรณีสลับร่างแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญโดยพลการ คดีพวกนี้รวม ๆ แล้วก็มีอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย ถูกถอดถอน และรอขึ้นเขียงอีกเกือบครึ่งร้อยคน ถามว่า การถูกถอดถอนจะยังมีผลอะไรหรือไม่ เพราะถือว่าปัจจุบันไม่มีตำแหน่งให้ถอดถอนแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมจากอดีตมันมีผลไปถึงอนาคต นั่นคือ ความผิดดังกล่าวหากต้องถูกถอดถอนตำแหน่งในอดีต มันก็จะมีผลต่อการขาดคุณสมบัติของนักการเมือง มีผลต่อการลงสมัคร ส.ส. หรือการรับตำแหน่งในอนาคตอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ หลายคนติดคุกถูกดำเนินคดีกันเป็นแถว ส่วนจะเป็นใครกันบ้างนั้นบางทีก็ไม่สมควรมาตอกย้ำกันซ้ำซาก
แต่สำหรับบางคนอาจเป็นข้อยกเว้น เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังอ่วมอรทัยจากคดีรับจำนำข้าวทั้งคดีอาญาในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและถูกดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายทางแพ่งอีกกว่า 3.57 หมื่นล้านบาท ซึ่งในคดีแบบเดียวกันนี้จากโครงการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐแบบ “แหกตา” ที่ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายเดียวกันก็โดนทั้งอาญาและแพ่งทั้งคุก และเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายนับพันล้านบาท
สำหรับกรณีโครงการรับจำนำข้าวยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องโดน เช่น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรียังมีเรื่องที่ต้องถูกตรวจสอบเอาผิดจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตามมาอีกราว 15 คดี ซึ่งแม้ว่ายังอยู่ในขั้นการไต่สวนก็ตาม แต่เมื่อถูกตรวจสอบแบบนี้เป็นใครมันก็ต้องหนาวทุกคน
อย่างไรก็ดีเฉพาะในส่วนของคดีรับจำนำข้าว ที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโดนทั้งอาญาและแพ่งไปจนอ่วมแล้วนั้น ยังต้องมีผล “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมาอีกนั่นคือต้องมีคนถูกแจ็กพอตตามมาเป็นพรวน เพราะจากการเปิดเผยของ มนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง ประธานคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่กล่าวถึงค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่เหลืออีกร้อยละ 80 หรือประมาณ 1.42 แสนล้านบาท (ยิ่งลักษณ์ รับไปร้อยละ 20 กว่า 3.57 หมื่นล้านบาท) นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ถูกทำให้เกิดความเสียหายต้องไปตั้งคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรณีย่อย เช่น การสวมสิทธิ์ การนำข้าวผิดประเภทมาจำนำ การเวียนเทียนข้าว และกรณีข้าวหาย เป็นต้น ซึ่งเกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยผลสอบจะสรุปมาเพื่อหาผู้รับผิดทางแพ่งและชดใช้เงินคืนต่อไป
"การเอาข้าวมาจำนำ เช่น กรณีข้าวหาย ต้องมีคนรับผิดชอบในฐานะผู้ควบคุมดูแล เช่น เจ้าของโรงสียุ้งฉาง แม้ว่าเป็นเอกชนแต่ก็ต้องมีการดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นบุคคลที่ทำให้ราชการเสียหาย และในส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องอื่นๆ รวมถึงรัฐมนตรีที่มีส่วนทำให้เกิดความเสียหาย จะสั่งให้ชดใช้เงินคืนด้วยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับกระบวนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบของแต่ละหน่วยงานต่อไป"
แน่นอนว่าเมื่อมีการระบุออกมาแบบนี้ว่า มีพวกเจ้าของโรงสี ยุ้งฉาง รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มันก็จะเป็นใครไปอีกไม่ได้ก็ต้องอยู่ในเครือข่ายพรรคเพื่อไทยในอดีตที่หากินร่วมกัน และหากเป็นแบบนี้เมื่อมีรัฐมนตรีมีเอี่ยวก็ต้องตามมาอีกล็อตที่ต้องถูกเรียกค่าเสียหาย ซึ่งมูลค่าไม่ใช่น้อยนั่นคือในส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 80 แม้จะหารกันหลายคน แต่ถ้าให้เดาก็ต้องเป็นพันบ้านขึ้นไปแน่
อีกคดีหนึ่งที่นับว่าสั่นประสาทกับครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะเจ้านายใหญ่ก็ต้องนี่เลยคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ที่ถูกปัดฝุ่นนำมารื้อใหม่อย่างจริงจังมีการสืบเสาะเส้นทางการเงินตามข่าวแจ้งว่าใกล้จะสรุปเต็มทีแล้ว และตามข่าวยังระบุอีกว่าคดีนี้เข้าใกล้ตัว พานทองแพ้ ชินวัตร เสียด้วย ถึงบอกว่างานนี้มีหนาวแน่นอน
ดังนั้น เมื่อพิจารณากันแบบรวมๆเฉพาะคนของพรรคเพื่อไทย ในเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง ถูกพิพากษาจำคุก ถูกคำสั่งบังคับทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งและอาจนำไปสู่การยึดทรัพย์ ฟ้องล้มละลายในอนาคต ถูกถอดถอนจากตำแหน่งทางการเมือง ทุกเรื่องที่กล่าวมาล้วนมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ทั้งในทางส่วนตัวและกระทบกับพรรคทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะคนพวกนี้จะขาดคุณสมบัติไม่อาจลงสมัคร ส.ส. ไม่สามารถรับตำแหน่งทางการเมืองได้อีก เพราะถ้ารวมจำนวนแล้วน่าจะเกือบ 40 คน แบบนี้ถึงไม่ใช่ “เซตซีโร” ก็ใกล้เคียงแหละ
อย่างไรก็ดี ทุกกรณีทุกคดีมันมีที่มาที่ไป เป็นไปตามกฎหมาย ต้องว่ากันในศาลยุติธรรม อาจมองว่ามีการกลั่นแกล้งปะปนมาบ้างก็ได้แล้วแต่มุมมอง แต่ในที่สุดแล้วบั้นปลายก็ต้องชี้ขาดโดยคำพิพากษาตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ แม้ว่าบางคนจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ต้องยอมรับ !!