xs
xsm
sm
md
lg

นาทีวิกฤต “ทักษิณ-ลูกน้อง” ตายยกก๊วน มีพลังลุกขึ้นสู้!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

จะเรียกว่า “ร่วงเหมือนใบไม้” ก็ว่าได้ สำหรับ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทยทั้งหลาย หลังจากที่ผ่านมาถูกศาลตัดสินจำคุก ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด และส่งฟ้องเอาผิดทางอาญา รวมทั้งเสนอเรื่องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนไปแล้วจนถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี จำนวน 3 ราย โดยรายล่าสุด คือ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากกรณีแทรกแซงการโยกย้ายปลัดกระทรวงกลาโหม ในยุคที่พรรคเพื่อไทยและตัวเองมีอำนาจ ส่วนที่เหลือจะเป็นเรื่องของการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน รวมไปถึงการรอพิจารณาโทษจากการแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างรัฐธรรมนูญโดยพลการ

ขณะเดียวกันยังมีอีกหลายคนที่กำลังจ่อคิวถูกเชือด โดยราวปลายเดือนนี้ “วัฒนา เมืองสุข” ก็กำลังจะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดจากคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร หรือก่อนหน้านี้ทางอัยการสูงสุดได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาให้เพิกถอนประกันตัวของบรรดาแกนนำ นปช.5 คน หลังจากถูกร้องเรียนว่าผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราวโดยศาลนัดไต่สวนในวันที่ 18 มกราคม ปีหน้า

ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังพิจารณาความผิดของอดีต 40 ส.ส.พรรคเพื่อไทย ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบจากกรณีเสนอและพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมโดยมิชอบซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการที่เตรียมสรุปว่ามีความผิดหรือไม่ในเร็วๆ นี้

ยังไม่นับกรณีขายข้างแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แบบแหกตาที่มีความผิดอาญา และถูกคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมกับพวกรวม 6 คน เป็นเงินประมาณ 2 หมื่นล้านบาท คดีของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้โครงการรับจำนำข้าวเกิดความเสียหาย ซึ่งคดีนี้ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกำลังงวดเข้ามาทุกขณะ คาดว่าไม่น่าจะเกินปีหน้าก็น่าจะรู้ว่า คุก หรือไม่คุก แต่ขณะเดียวกันที่น่าจับตาไม่แพ้กันก็คือ เธอจะถูกเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวนกี่พันล้านบาท หรือกี่หมื่นล้านบาท ทั้งสองกรณีหลังนี้ สาหัสถึงขั้นหวาดเสียวทั้งคุก และยึดทรัพย์ไปพร้อมๆ กัน

ยัง ยังไม่พอ ยังมีคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ที่ตามเส้นทางคดีเข้าใกล้ พานทองแพ้ ชินวัตร ลูกชายของ ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาทุกขณะอย่างที่ไม่เคยปรากฏแบบนี้มาก่อน ที่สำคัญเส้นทางการเงิน หากแคะคุ้ยก็คงตามหาไม่ยากเสียด้วย

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากคดีและอัตราโทษ คนพวกนี้คงต้องหมดอนาคต ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทางการเมืองข้างหน้า แค่ลุ้นเอาว่าจะติดคุกกี่ปีเท่านั้นก็ขนลุกแล้ว

ขณะเดียวกัน หากมองอีกมุมหนึ่งสำหรับคนบางคนอนาคตทางการเมืองยังเป็นเรื่องใหญ่กว่าการติดคุกเสียอีก เพราะพวกเขามาจากศูนย์ ไม่มีต้นทุนใดๆ แต่ที่ผ่านมาเข้ามาอิงแอบกับครอบครัวของ ทักษิณ ชินวัตร จนได้ดิบได้ดีแบบไม่น่าเชื่อ ดังนั้นเมื่อหมดโอกาสมีตำแหน่งทางเมือง มันก็เหมือนทุบหม้อข้าวตัวเองนั่นแหละ

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่เวลานี้ภายในพรรคเพื่อไทยเริ่มโกลาหลกันอย่างหนัก กลัวว่าภัยกำลังมาถึงตัว และมีแนวโน้มตายกันยกเข่ง ตั้งแต่หัวหน้ายันลูกน้องกันเลยทีเดียว หากพิจารณาจากรายชื่อและความผิดจากคดี และความเสียหายแต่ละคดี

และน่าสังเกตก็คือ คนพวกนี้จะใช้วิธีแบบเดิมๆ เหมือนในอดีตก็คือการ “ปลุกระดม” สร้างความเข้าใจผิดให้แก่สังคม หรือต่อผู้ที่เคยสนับสนุนตัวเองทำนองว่า พวกเขา “ถูกกลั่นแกล้ง” จากเผด็จการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อ้างว่าทุกอย่างมาจากแรงจูงใจทางการเมือง สำหรับการกำจัดคู่แข่ง พร้อมทั้งขู่ว่าในอนาคตหากมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยเมื่อใดจะโดนเช็กบิลเอาคืนแน่ นั่นคือการยืนยันว่าพวกเขาเป็น “นักประชาธิปไตย” ส่วนอีกฝ่ายเป็นพวกเผด็จการประมาณนั้น

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันทีละเรื่อง ก็จะให้ความจริงไปอีกทางหนึ่ง พิจารณากันทีละคดีก็ได้ กรณีของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับพวก ก็ถูกฟ้องในคดีขายข้าวจีทูจีเก๊ ถูกศาลชี้ความผิด และมีคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหาย 2 หมื่นล้านบาท มันก็การพิจารณาจากหลักฐาน มีการให้โอกาสแก้ต่างต่อสู้ตามกระบวนการ แต่เมื่อผิดมันก็ต้องผิด ไม่ใช่ถูกใครแกล้ง กรณีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เช่นเดียวกัน กำลังอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลยังไม่ตัดสินตอนนี้ก็ไต่สวนพยานจำเลยที่อ้างมาแก้ต่างให้ นี่ก็มีที่มาที่ไปชัดเจน

หรือกรณีของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ถูกกล่าวหาว่า แทรกแซงการแต่งตั้งตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมในอดีต ก็สรุปว่ามีความผิด นี่ก็ใช่อีก

หรือกรณีของ พวก 5 นปช. เช่น จตุพร พรหมพันธุ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, เหวง โตจิราการ, วีระกานต์ มุสิกพงศ์ และนิสิต สินธุไพร ที่กำลังถูกร้องศาลเพิกถอนประกันอยู่นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครกลั่นแกล้งใคร ไม่ใช่เรื่องสองมาตรฐานที่จ้องเอาผิดอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะคนพวกนี้ด่าแต่รัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติทุกวัน ยังพูดจาทำนองปลุกระดมอยู่เกือบทุกวัน มันก็ต้องโดนเพราะผิดกฎหมาย จะเป็นกฎหมายออกโดยเผด็จการหรือไม่ แต่ถ้ามันเข้าข่ายความผิดมันก็ต้องโดน ขณะที่อีกฝ่ายหากหมายถึงพวก กปปส.ละก็ มันก็ไม่เหมือนกันเพราะคนพวกนี้เขาเลือกที่จะเงียบ ไม่เคลื่อนไหวที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ข้อห้าม มันถึงไม่โดนไม่เพิกถอนการประกันตัว ส่วนคดีร้ายแรงอื่นๆ ก็ยังอยู่ในขั้นตอน อาจเป็นเพราะมีผู้ต้องหามากจึงใช้เวลามาก เหมือนกับคดีคนเสื้อแดง ตั้งแต่ปี 53 ถามว่าจบไปกี่คดีแล้ว บรรดาแกนนำก็ยังไม่จบไม่ใช่หรือ

ดังนั้น ทุกคดีล้วนมีที่มาที่ไป มีขั้นตอนการตรวจสอบพิจารณาตามพยานหลักฐาน มันไม่ใช่เรื่องของการกลั่นแกล้งเอาคืนใคร ขณะเดียวกัน อาจเป็นเรื่องธรรมดาของคนกลัวตาย ขี้ขลาด ที่เห็นจวนตัวก็ต้องลากเอาคนอื่นมาบังหน้า หรือหาพวก เหมือนกับเวลานี้ที่คนในพรรคเพื่อไทยได้ “ทำกรรม” เอาไว้ในอดีต แต่ด้วยอำนาจที่เคยบดบังจึงไม่คิดว่ามีวันนี้ และต้องถามต่ออีกว่า พวกเขายังมีพลังจะขยับเขยื้อนได้แค่ไหน เพราะถึงอย่างไร “ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม” ทั้งสิ้น ขัดขืนไม่ได้หรอก!
กำลังโหลดความคิดเห็น