รองนายกฯ เผยนายกฯ รอเวลาเหมาะถึงค่อยชงชื่อ 30 สนช.ใหม่ทูลเกล้าฯ ถวาย ยัน กรธ.เชิญนักการเมืองให้ความเห็น กม.ลูก แจงร่าง พ.ร.บ.4 ชั่วโคตรครอบคลุมถึงระดับกรม-รัฐวิสาหกิจ เล็งสอบวินัย ขรก.เอี่ยวทุจริตข้าวจีทูจี 70 ราย ใช้เวลา 1-2 เดือน แจง พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกไม่ได้มีไว้ให้ ปชช.ขอข้อมูลภาครัฐ แต่เป็น พ.ร.บ.ข่าวสาร
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะเข้ามาทำงานเพิ่มอีก 30 คนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อยู่รายชื่อจะออกมาได้อย่างไร และต้องอาศัยจังหวะเวลาที่เหมาะสมนำขึ้นถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องของนายกฯ หรือรัฐบาล ส่วนรายชื่อ 30 คน เห็นสื่อระบุไว้ว่ามีบ้างแล้ว
ส่วนการเชิญนักการเมืองเข้าร่วมให้ความเห็นเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น นายวิษณุกล่าวว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะเชิญนักการเมืองมาเสนอแนวคิดเพื่อร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกเหมือนในช่วงการร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา แต่อาจจะไม่ได้เปิดเผยเป็นข่าวให้สื่อทราบ อย่างการร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มีพรรคการเมืองบางพรรค เป็นระดับหัวหน้าพรรคขอแสดงความเห็นในที่อื่นที่ไม่ใช่รัฐสภา
นายวิษณุกล่าวถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดอันเกิดจากประโยชน์ส่วนตนขัดกับผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ “กฎหมาย 4 ชั่วโคตร” ครอบคลุมถึงนโยบายของรัฐบาลด้วยหรือไม่ว่า ครอบคลุมด้วย แต่ความจริงนโยบายของรัฐบาลไม่ว่าจะสมัยไหนไม่ต้องมีกฎหมายดังกล่าวก็ผิดอยู่แล้ว อย่างที่เราพูดกันถึงการทุจริตเชิงนโยบาย แต่ว่าในระดับกรม กอง รัฐวิสาหกิจยังไม่ผิด ซึ่งต่อไปนี้จะครอบคลุมด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานยากขึ้นหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ เพราะสุจริตคือเกราะบังศาสตร์พ้อง ถ้าคนเราทำไปด้วยความสุจริตไม่ผิดแน่นอน ขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีข้อยกเว้น แต่ที่บอกว่าห้ามใช้ทรัพย์ของทางราชการ ตนไม่ได้บอกว่ามันมีประโยชน์หรือมายกเว้นทรัพย์สินนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย อะไรที่เรียกเล็กน้อยให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีมติออกเป็นระเบียบล่วงหน้าไป ซึ่งหากครม.ออกเป็นระเบียบมาแล้วถือว่าไม่ผิด
“กฎหมาย 4 ชั่วโคตร คือ เอื้อประโยชน์ให้โคตรของตน ไม่ใช่การที่ใครทำผิดแล้วตามไปฆ่าลูก พ่อแม่ คู่สมรสโดยการเอามาใส่คุกให้หมด ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เขาฆ่า 7 ชั่วโคตรจริงๆ ซึ่งตามกฎหมายใหม่ใครเป็นคนเสนอโครงการต้องเอาข้อมูลขึ้นเว็บไซต์แจ้งประชาชนว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง และต้องระบุด้วยว่าอธิบดีกรมนี้มีส่วนจะได้ประโยชน์ด้วย แต่ประชาชนจะได้ประโยชน์มากกว่า ประชาชนจะสามารถตัดสินใจได้และถือว่าสุจริต เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัว ที่สำคัญร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจะสกัดกั้นระบบอุปถัมภ์ไปได้มาก” นายวิษณุกล่าว
นายวิษณุกล่าวถึงการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่มีข้าราชการได้ผลประโยชน์ด้วยหรือไม่ ว่าขณะนี้กำลังตรวจสอบกันอยู่ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) รายงานว่ากำลังสอบวินัยและใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน คาดว่ามีข้าราชการเกี่ยวข้อง 50-70 ราย เข้าใจว่ามีไม่เช่นนั้นจะตรวจสอบทำไม โดยตนจะเชิญ ป.ป.ท.มาพบเพื่อหารือเรื่องนี้ต่อไป
นายวิษณุกล่าวถึงความไม่สะดวกในการขอข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภายในกองทัพ ของกรมบัญชีกลางว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการภาครัฐ พ.ศ. 2558 เพราะ พ.ร.บ.ดังกล่าวมีไว้สำหรับขออนุญาตดำเนินการ แต่การขอข้อมูลทางราชการจะเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ที่จะให้อำนาจในการขอข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับตัวเอง โดยจะไปขอข้อมูลของคนอื่นไม่ได้ ส่วนการขอข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งบของภาครัฐนั้น ตามหลักการสามารถทำได้ แต่บางเรื่องเป็นความลับ ซึ่งมีช่องทางให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้อยู่ หลังจากนี้งบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างจะต้องเปิดเผยมากขึ้น เนื่องจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่ ที่อยู่ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีการปรับปรุงแก้ไขจำนวนมาก เช่น งบประมาณของหน่วยงานภาครัฐที่นำไปซื้อพื้นที่สื่อเพื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ จากเดิมไม่ต้องเปิดเผย แต่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่บัญญัติให้เปิดเผยรายละเอียดต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่น (สตง.) ทราบ