“ธีรวัฒน์” ตั้งป้อมสู้ ใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ยื่นผู้ตรวจฯ ขอคำร้อง หลักฐานที่นำมาสู้การชี้มูลผิดจริยธรรม ขีดเส้นให้นำส่งใน 7 วัน เพื่อยื่นอุทธรณ์ เตือนหากไม่ให้ถือว่ามีเจตนาปกปิด ซ่อนเร้น มุ่งร้าย เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ชี้พิจารณาอย่างรวบรัด ฟังความข้างเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (19 ก.ย) นายสมภพ ระงับทุกข์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ ได้ยื่นหนังสือโต้แย้งมติผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติว่านายธีรวัฒน์มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดจริยธรรม ต่อสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมกับขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 ขอสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพิจารณาในการยื่นอุทธรณ์มติของผู้ตรวจการแผ่นดิน
นายธีรวัฒน์อ้างว่า มติของผู้ตรวจการฯ เป็นไปโดยรวบรัด ปกปิดการดำเนินการ และรับฟังข้อมูลของผู้ร้องเพียงด้านเดียว ไม่เปิดโอกาสให้ตนเองในฐานะผู้ถูกร้องทราบข้อร้องเรียน ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานที่ผู้ร้องอ้างว่าตนกระทำผิด ทำให้ไม่สามารถโต้แย้งแสดงหลักฐานได้ถูกต้องตรงประเด็น เมื่อยื่นคำชี้แจงไปก็อ้างว่าส่งมาล่าช้า และรีบสรุปความมีมติว่าตนมีพฤติกรรมผิดจริงตามที่ร้อง ทั้งที่กระบวนการรับฟังข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ และไม่ควรยุติโดยการฟังความข้างเดียว เท่ากับว่าผู้ตรวจการฯ กระทำการฝ่าฝืนมาตรา 31 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ. 2552 การดำเนินการของผู้ตรวจการฯ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและจริยธรรมการตรวจสอบที่มีการดำเนินการไม่เป็นธรรม ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนอย่างร้ายแรง จึงขอโต้แย้งมติและขอใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร คัดสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ เอกสารที่นายธีรวัฒน์ขอตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ประกอบด้วย หนังสือร้องเรียนของผู้ร้องเรียนทุกฉบับ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง พยานหลักฐานประกอบคำร้องทุกชิ้น, หนังสือที่ประธานสภาพัฒนาการเมืองได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบ พร้อมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง, บันทึกข้อเท็จจริงและความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่ใช้ประกอบการพิจารณาของผู้ตรวจการฯ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง, บันทึกความเห็นของผู้ตรวจการฯ แต่ละท่าน รายงานการประชุมที่เกี่ยวเนื่องกับการพิจารณาและมีมติในเรื่องนี้ พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง และเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่มีในสำนวนนอกเหนือจากที่ขอมา
โดยขอให้จัดส่งสำเนาเอกสารทั้งหมดภายใน 7 วัน หรืออนุญาตให้ไปตรวจเอกสารสำนวนดังกล่าวและถ่ายเอกสารได้ และยังสำทับด้วยว่า หากผู้ตรวจการฯ ไม่ให้ข้อมูลข่าวสารตามที่นายธีรวัฒน์ร้องขอ ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่นายธีรวัฒน์มากขึ้น และยังเป็นการตอกย้ำถึงการดำเนินการที่ปกปิดซ่อนเร้น ไม่โปร่งใส มุ่งร้ายต่อนายธีรวัฒน์โดยตรง เข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ย.) จะมีการประชุม กกต.ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต.ได้รับหนังสือแจ้งมติเรื่องดังกล่าวจากผู้ตรวจการฯ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. โดยในระเบียบวาระการประชุมไม่มีเรื่องดังกล่าวบรรจุอยู่เป็นวาระพิจารณา แต่อาจเป็นไปได้ว่าประธาน กกต.จะเสนอเรื่องเข้าพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน และเป็นการประชุมลับ
ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการร้องเรียน นายธีรวัฒน์ในประเด็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ซึ่งเข้าข่ายทุจริตต่อหน้าที่ว่า เรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการของสำนักงาน ป.ป.ช.แล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบว่าอยู่ในอำนาจที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบได้หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง เรื่องระยะเวลาในการระทำผิดว่าอยู่ในตำแหน่งใด ก่อนที่จะมีการพิจารณารับหรือไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าขั้นตอนในการตรวจสอบในเบื้องต้นนี้จะใช้เวลาไม่นาน