วานนี้ (15ก.ย.) นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า นายศรีราชา วงศารยางค์กูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งหนังสือถึง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อช่วงสายวานนี้ แจ้งมติของผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เห็นว่า นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจพรรคการเมือง มีพฤติกรรมเข้าข่ายผิดจริยธรรมตามที่ประธานสภาพัฒนาการเมือง ได้ยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบจริง เพื่อให้ประธาน กกต.ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานดำเนินการตามระเบียบกกต. ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของกกต. กกต.จังหวัด และพนักงานกกต. พ.ศ. 2551 แล้ว
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายธีรวัฒน์ ถูกร้องเรียนว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ และมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ต่อเนื่องจนดำรงตำแหน่ง กกต. ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีมติ ยุติเรื่องในประเด็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ เนื่องจากผู้ร้อง ได้มีการยื่นร้องต่อป.ป.ช.ไปแล้ว
แต่ในส่วนพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดจริยธรรมนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการสอบสวนต่อโดยเป็นกรณีร้องเรียนเรื่องชู้สาว ที่จากการตรวจสอบของผู้ตรวจฯหลักฐานค่อนข้างชัดเจน คำชี้แจงของนายธีรวัฒน์ ที่ปฏิเสธไม่สามารถหักล้างได้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในช่วงสายวันเดียวกันนี้ เช่นกันว่า นายธีรวัฒน์ ได้มีการยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ส่งหนังสือคำร้องของผู้ร้องมาให้ เพื่อที่ตนเองจะได้ทราบถึงประเด็นที่กล่าวหาอย่างชัดแจ้ง และจะได้ชี้แจงได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ตรวจฯ ตั้งเป็นประเด็นคำถามส่งมาเท่านั้น รวมทั้งขอขยายระยะเวลาการสอบสวนออกไป แต่หนังสือของนายธีรวัฒน์ น่าจะที่สวนทางกันกับหนังสือของประธานผู้ตรวจฯที่แจ้งหนังสือมายังประธานกกต.
ผู้สื่อข่าวรายว่า สำหรับข้อกล่าวที่มีต่อ นายธีรวัฒน์ จะเข้าองค์ประกอบความผิดตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ กกต. กกต.จังหวัด และพนักงานกกต. พ.ศ. 2551 หมวด 2 มาตรฐานจริยธรรม ข้อ 4 (1) (2) และข้อ 8 ที่ระบุว่า กกต. กกต.จว. และพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรม อันเป็นค่านิยมหลัก 9 ประการ (1) การยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม ( 2) การมีจิตสำนึกที่ดี ซื่อสัตย์ สุจริต และรับผิดชอบ และข้อ 8 กกต. กกต.จว. และพนักงานทุกคนต้องไม่ประพฤติตนอันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งในกลไกและระบบการบังคับใช้ประมวลจริยธรรมข้อ 18 วรรคสาม ก็บัญญัติไว้ว่า กรณีมีการร้องเรียน หรือปรากฏเหตุว่า กกต. คนหนึ่งคนใด ประพฤติปฏิบัติฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ให้ กกต.ที่เหลืออยู่เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาดำเนินการ ดังนั้นจะต้องมีการจับตาว่า กกต. จะมีการดำเนินการต่อกรณีดังกล่าวอย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์ในขณะนี้ที่ กกต.กำลังมีความขัดแย้งภายใน เรื่องเก้าอี้ประธาน กกต. และกระแสการเรียกร้องต่อคสช.ให้มีการเซตซีโร กกต.
อย่างไรก็ตาม ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 มาตรา 38 และมาตรา 39 ได้บัญญัติไว้ กรณีหากผู้ตรวจแผ่นดินส่งให้เรื่องให้ผู้ที่รับผิดชอบในการบังคับการให้ดำเนินการให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรมแล้วไม่มีการดำเนินการ หรือเชื่อได้ว่าการดำเนินการของผู้ที่รับผิดชอบ จะไม่เป็นไปด้วยความเป็นธรรม ผู้ตรวจฯสามารถไต่สวน และเปิดเผยผลการไต่สวนต่อสาธารณะได้
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับนายธีรวัฒน์ ถูกร้องเรียนว่าใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ และมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ต่อเนื่องจนดำรงตำแหน่ง กกต. ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีมติ ยุติเรื่องในประเด็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ เนื่องจากผู้ร้อง ได้มีการยื่นร้องต่อป.ป.ช.ไปแล้ว
แต่ในส่วนพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดจริยธรรมนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีการสอบสวนต่อโดยเป็นกรณีร้องเรียนเรื่องชู้สาว ที่จากการตรวจสอบของผู้ตรวจฯหลักฐานค่อนข้างชัดเจน คำชี้แจงของนายธีรวัฒน์ ที่ปฏิเสธไม่สามารถหักล้างได้ อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าในช่วงสายวันเดียวกันนี้ เช่นกันว่า นายธีรวัฒน์ ได้มีการยื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ส่งหนังสือคำร้องของผู้ร้องมาให้ เพื่อที่ตนเองจะได้ทราบถึงประเด็นที่กล่าวหาอย่างชัดแจ้ง และจะได้ชี้แจงได้อย่างถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ตรวจฯ ตั้งเป็นประเด็นคำถามส่งมาเท่านั้น รวมทั้งขอขยายระยะเวลาการสอบสวนออกไป แต่หนังสือของนายธีรวัฒน์ น่าจะที่สวนทางกันกับหนังสือของประธานผู้ตรวจฯที่แจ้งหนังสือมายังประธานกกต.
ผู้สื่อข่าวรายว่า สำหรับข้อกล่าวที่มีต่อ นายธีรวัฒน์ จะเข้าองค์ประกอบความผิดตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยประมวลจริยธรรมของ กกต. กกต.จังหวัด และพนักงานกกต. พ.ศ. 2551 หมวด 2 มาตรฐานจริยธรรม ข้อ 4 (1) (2) และข้อ 8 ที่ระบุว่า กกต. กกต.จว. และพนักงานทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่โดยยึดมั่นในมาตรฐานจริยธรรม อันเป็นค่านิยมหลัก 9 ประการ (1) การยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม ( 2) การมีจิตสำนึกที่ดี ซื่อสัตย์ สุจริต และรับผิดชอบ และข้อ 8 กกต. กกต.จว. และพนักงานทุกคนต้องไม่ประพฤติตนอันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งในกลไกและระบบการบังคับใช้ประมวลจริยธรรมข้อ 18 วรรคสาม ก็บัญญัติไว้ว่า กรณีมีการร้องเรียน หรือปรากฏเหตุว่า กกต. คนหนึ่งคนใด ประพฤติปฏิบัติฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ให้ กกต.ที่เหลืออยู่เป็นผู้รับผิดชอบพิจารณาดำเนินการ ดังนั้นจะต้องมีการจับตาว่า กกต. จะมีการดำเนินการต่อกรณีดังกล่าวอย่างไร ท่ามกลางสถานการณ์ในขณะนี้ที่ กกต.กำลังมีความขัดแย้งภายใน เรื่องเก้าอี้ประธาน กกต. และกระแสการเรียกร้องต่อคสช.ให้มีการเซตซีโร กกต.
อย่างไรก็ตาม ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 มาตรา 38 และมาตรา 39 ได้บัญญัติไว้ กรณีหากผู้ตรวจแผ่นดินส่งให้เรื่องให้ผู้ที่รับผิดชอบในการบังคับการให้ดำเนินการให้เป็นไปตามประมวลจริยธรรมแล้วไม่มีการดำเนินการ หรือเชื่อได้ว่าการดำเนินการของผู้ที่รับผิดชอบ จะไม่เป็นไปด้วยความเป็นธรรม ผู้ตรวจฯสามารถไต่สวน และเปิดเผยผลการไต่สวนต่อสาธารณะได้