“ประยุทธ์” ประธานเปิดงานก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 2 เพิ่มขีดความสามารถของสนามบิน คาดรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 15 ล้านคนต่อปี
ที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (14 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเริ่มงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 ซึ่งบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) จัดพิธีเปิดงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการ และผู้บริหาร ทอท.เข้าร่วมในพิธี
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.กล่าวว่า ตามที่ ทอท.ได้รับอนุมัติโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) จากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 โดยมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 15 ล้านคนต่อปี คือจากเดิม 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี ประกอบด้วย กลุ่มงานก่อสร้าง ส่วนขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก กลุ่มงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 กลุ่มงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และงานจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการในวงเงิน 62,503.214 ล้านบาท เนื่องจากโครงการพัฒนา ทสภ.เป็นโครงการเพิ่มขีดความสามารถของ ทสภ.ให้สามารถรองรับกิจการขนส่งทางอากาศที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา ทอท.ได้ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) สำหรับงานจ้างก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานโครงสร้างและงานระบบหลัก) (CC1/1) ส่วนงานจ้างก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค (CC3) และงานจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (CSC) ทั้งนี้ ในวันนี้ ทอท.ได้จัดให้มีพิธีเริ่มงานก่อสร้างสำหรับ 3 งานดังกล่าว ซึ่ง ทอท.ได้รับเกียรติจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ณ พื้นที่ก่อสร้างบริเวณด้านทิศใต้ของอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
นายนิตินัยกล่าวว่า สำหรับงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น B2 ชั้น B1 และชั้น G) ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (CC1/1) กำหนดระยะเวลาดำเนินการภายใน 780 วัน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม 2561 ส่วนงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค (CC3) กำหนดระยะเวลาดำเนินการภายใน 990 วัน และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2562
นายนิตินัยกล่าวในตอนท้ายว่า หลังจากการเริ่มก่อสร้างในวันนี้ ทอท.จะดำเนินการในส่วนของงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) (CC4) ซึ่งคาดว่าจะสามารถออกประกาศประกวดราคาได้ภายในเดือนตุลาคม 2559 และเริ่มงานก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ 2560 โดยงานจัดซื้อพร้อมติดตั้งระบบ APM จะเป็นสัญญาที่ใช้ระยะเวลานานที่สุด คือ 33 เดือน หากสามารถดำเนินการได้ตามกำหนดการดังกล่าวจะทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) จะเสร็จตามกำหนดในเดือนพฤศจิกายน 2562