วานนี้ (14 ก.ย.) ที่บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เป็นประธานในพิธีเริ่มงานก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ 2 โดยมีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม คณะกรรมการ และผู้บริหาร ทอท. เข้าร่วมในพิธี
นายอาคม กล่าวว่า การก่อสร้างดังกล่าว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี จาก 45 ล้านคนเป็น 60 ล้านคนต่อปี สามารถรองรับการขนส่งทางอากาศ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ วงเงิน 55,012 ล้านบาท
สำหรับวันนี้ เป็นการเริ่มงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ กำหนดระยะเวลาดำเนินการภายใน 780 วัน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จเดือนต.ค.61 ส่วนงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค กำหนดระยะเวลาดำเนินการภายใน 990 วัน และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนพ.ค.62 และหลังจากการเริ่มก่อสร้างในวันนี้ ทอท. จะจัดซื้อ พร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ ซึ่งคาดว่า เริ่มงานก่อสร้างในเดือนก.พ.60 หากสามารถดำเนินการได้ตามกำหนด จะทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเสร็จตามกำหนดในเดือนพ.ย.62
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการเป็นผลดีต่อประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมโยง ซึ่งในการประชุมกับนานาชาติทุกครั้ง ได้เน้นเรื่องการเชื่อมโยง การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ให้อยู่ในห่วงโซ่เดียวกัน รัฐบาลมีเจตนามุ่งมั่น ที่จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตประเทศ โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี มีแผนแม่บทในทุกเรื่อง แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลต่อไป ที่จะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่เราก็มีมาตรการในการติดตามอยู่แล้ว และประชาชนก็ต้องช่วยกันกำกับดูแลด้วย และเราคงไม่ได้ทำแค่สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 อย่างเดียว เรากำลังเริ่มต่อไปยังสนามบินอู่ตะเภา สนามบินดอนเมือง ซึ่งเดี๋ยวจะรื้อดอนเมืองเสียที โดยเฉพาะพวกกลุ่มมาเฟียต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าจะไปรื้อสนามบิน ดังนั้น ทุกอย่างต้องโปร่งใสทั้งหมด ทุกที่ ทุกคนจึงต้องช่วยกันลดปัญหาทุกอย่างที่เป็นของเดิมให้หมด
นายอาคม กล่าวว่า การก่อสร้างดังกล่าว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้นอีก 15 ล้านคนต่อปี จาก 45 ล้านคนเป็น 60 ล้านคนต่อปี สามารถรองรับการขนส่งทางอากาศ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ วงเงิน 55,012 ล้านบาท
สำหรับวันนี้ เป็นการเริ่มงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 ลานจอดอากาศยานประชิดอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ กำหนดระยะเวลาดำเนินการภายใน 780 วัน ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จเดือนต.ค.61 ส่วนงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค กำหนดระยะเวลาดำเนินการภายใน 990 วัน และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนพ.ค.62 และหลังจากการเริ่มก่อสร้างในวันนี้ ทอท. จะจัดซื้อ พร้อมติดตั้งระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ ซึ่งคาดว่า เริ่มงานก่อสร้างในเดือนก.พ.60 หากสามารถดำเนินการได้ตามกำหนด จะทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะเสร็จตามกำหนดในเดือนพ.ย.62
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการเป็นผลดีต่อประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมโยง ซึ่งในการประชุมกับนานาชาติทุกครั้ง ได้เน้นเรื่องการเชื่อมโยง การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ให้อยู่ในห่วงโซ่เดียวกัน รัฐบาลมีเจตนามุ่งมั่น ที่จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตประเทศ โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี มีแผนแม่บทในทุกเรื่อง แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลต่อไป ที่จะเป็นผู้ดำเนินการ เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร แต่เราก็มีมาตรการในการติดตามอยู่แล้ว และประชาชนก็ต้องช่วยกันกำกับดูแลด้วย และเราคงไม่ได้ทำแค่สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 อย่างเดียว เรากำลังเริ่มต่อไปยังสนามบินอู่ตะเภา สนามบินดอนเมือง ซึ่งเดี๋ยวจะรื้อดอนเมืองเสียที โดยเฉพาะพวกกลุ่มมาเฟียต่างๆ ไม่ได้หมายความว่าจะไปรื้อสนามบิน ดังนั้น ทุกอย่างต้องโปร่งใสทั้งหมด ทุกที่ ทุกคนจึงต้องช่วยกันลดปัญหาทุกอย่างที่เป็นของเดิมให้หมด
