xs
xsm
sm
md
lg

ข้าราชการโกง! ต้องลงดาบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สะเก็ดไฟ

ใช้ดาบอาญาสิทธิ์อย่างมาตรา 44 ฟันข้าราชการที่พัวพันการทุจริตอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เพิ่งจะสร้างความฮือฮาด้วยการลงดาบใส่ “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ “หมอเปรม” นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ นายกเทศมนตรีบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ที่สังคมยกมือท่วมหัวภาวนาสาธุไปไม่กี่วัน ล่าสุด “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จัดการลงแส้ไปอีก 21 ราย มีบิ๊กตำรวจยศ พล.ต.ต.ถึง 2 ราย เรียกว่าสร้างความตื่นเต้นกันได้อีกรอบ

น่าสนใจกับรายการเชือดโหดๆ ติดกัน ชนิดที่คนในรัฐบาลอย่างวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกก่อนหน้าเสียด้วยซ้ำว่ากำลังจะมีงานนี้เหมือนจงใจจะให้สังคมรับรู้แบบไม่มีเหนียมอาย หรือปกปิดเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่แล้วมา ที่สำคัญระยะหลังๆ มานี้เรื่องจังหวะจะโคนในการลงทัณฑ์ข้าราชการที่พัวพันกับการฉ้อราษฎร์บังหลวงมันเหมือนถูกเซตเอาไว้ว่ามันควรจะต้องออกมาในช่วงใด

อย่างกรณีของ “ชายหมู” ย้อนความกลับไปก่อนหน้าแทบไม่มีวี่แววว่า คสช.จะกล้าแตะต้องอะไร เพราะรับรู้กันถ้วนทั่วว่า เป็นเด็กของคนใหญ่คนโตเมืองสุราษฎร์ “เดอะเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.ที่ตั้งตัวเป็นกองเชียร์ คสช.แบบออกนอกหน้านอกตา ดังนั้นจึงอยู่รอดปลอดภัยมานานนม แต่จู่ๆ “บิ๊กตู่” เลือกฟันเปรี้ยงเดียวพร้อมกับ “หมอเปรม” ที่สังคมกำลังก่นด่า โดยเป็นเวลาพอดีกับที่ร่างรัฐธรรมนูญเพิ่งผ่านประชามติ คนในรัฐบาลกำลังเหลิงลมกับผลประชามติที่ตีกินว่า นี่เป็นคะแนนนิยมทหาร การจัดการคนที่สังคมกำลังก่นด่า ณ ขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น “ชายหมู” หรือ “หมอเปรม” จึงเหมือนเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่ารัฐบาลทหารนั้นดีเลิศประเสริฐศรี แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เจ๋งจริงอะไรทำนองนั้น

ขณะที่รอบนี้ออกมาในช่วงที่ฝ่ายการเมืองกำลังถกเถียงกันเรื่องนายกฯ คนนอกว่า อาจสร้างปัญหาได้ในอนาคต โดยเฉพาะตอนนี้แทบจะฟันธงกันไปแล้วว่า น่าจะเป็น “บิ๊กตู่” แน่ๆ อีกสมัย มีทั้งฝ่ายที่ส่งเสียงเชียร์ และส่งเสียงไล่ โต้กันไปกันมาระหว่างข้อดีของรัฐบาลทหาร กับข้อดีของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ฝ่ายหนุนก็บอกรัฐบาลทหารไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น ฝ่ายต้านก็สู้ว่าแต่ไร้ฝีมือ ปล่อยให้ข้าวยากหมากแพง

แล้วมีเรื่องผลโพลที่ไปสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล คะแนน “บิ๊กตู่” นี่จัดว่าป็อปปูลาร์เกินใคร แต่มีจุดที่ต้องสะกิดใจนั่นคือ คะแนนความนิยมในตัวรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจติดลบกันระนาว จนตีความกันว่าประชาชนยังไม่แฮปปี้เรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องสักเท่าไหร่

ขนาดโพลที่ทำเป็นสายเชลียร์ ยังไม่โอเคเซย์เยสกับทีมเศรษฐกิจ มันก็สะท้อนให้เห็นอย่างหนึ่งว่า รัฐบาลทหารมีปัญหาเรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจริงๆ ส่วนที่ทำได้ดีมีอยู่แค่ 2 เรื่อง คือ การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน

เมื่อช่วงนี้สถานการณ์เศรษฐกิจดูทรงๆ ทรุดๆ แถมยังมีผลโพลออกมา มันก็เลยต้องหาอะไรมาแก้ขัด เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลมีผลงานจับต้องได้ ไม่ได้ปล่อยเงียบ ก็เลยไม่พ้นของง่ายๆ ใกล้ตัว อย่างมาตรา 44 ที่สามารถหยิบจับได้ รายชื่อข้าราชการที่ถูกร้องเรียนมีอยู่ในลิสต์ของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เยอะแยะ หยิบมาสอยได้สบายถ้าต้องการ

แล้วมันก็ได้ผลทุกครั้ง เพราะการเชือดปลาตัวใหญ่ หรือเชือดปลาทีละหลายๆ ตัว มักสร้างความตื่นตาตื่นใจได้เสมอ อย่างน้อยๆ ฝ่ายที่สนับสนุนก็ออกมาแซ่ซ้องว่านี่คือผลงานที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในรัฐบาลนักการเมือง หรือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ยังพยุงตัวเองได้ว่ายังมีผลงานอยู่ แต่ว่าระยะหลังมานี้มันก็หวือหวาได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว วันสองวันแล้วก็หายไป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไม่ได้รู้สึกว่าหลังจากพักงานไปแล้วมีการสอบสวนไปมากน้อยเพียงใด หรือปล่อยแช่เอาไว้อย่างนั้น ที่สำคัญไม่เคยมีการบอกเหตุผลว่าแต่ละคนที่ถูกพักงานไปกระทำผิดเรื่องอะไรไว้จนถูกร้องเรียน

การตีกรอบครอบจักรวาลว่าทุจริต โดยไม่ได้บอกเหตุผลมันอาจทำให้คนรู้แค่เพียงว่าทุจริต แต่ไม่รู้เรื่องทุจริตนั้นเป็นเรื่องที่หมักหมมมานานในแวดวงราชการ หรือเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่ประชาชนอยากให้แก้ไขอยู่แล้ว การจับเสียบหัวคั่วกลิ้งให้เห็น น่าจะเวิร์กกว่าการเชือดลอยๆ แบบนี้

ขณะเดียวกัน หลังจากพักงานไปแล้ว ต้องรายงานผลการสอบสวนให้สาธารณชนรับทราบว่า พวกที่ถูกพักๆ งานกัน โดนตรวจสอบคืบหน้าไปมากน้อยเพียงใด เพื่อให้คนเห็นถึงจุดจบของข้าราชการกังฉินพวกนี้ อย่างนี้ถึงจะพูดได้ว่าแก้ไขปัญหาทุจริตได้จริง ไม่เช่นนั้นมันจะเหมือนการจับคนมาเข้ากรุ แล้วบอกคอร์รัปชันน้อยลงแล้ว ทั้งที่กฎแห่งกรรมตามทันหรือยังก็ไม่รู้ได้

 แน่นอนการใช้วิธีนี้อาจช่วยกระตุ้นเรตติ้งรัฐบาลได้เป็นช่วงๆ แต่มันจะไม่จีรังเลย ยิ่งถ้าบอกว่า “บิ๊กตู่” คือแคนดิเดตนายกฯ คนนอกในอนาคต มีภาพลักษณ์ของความซื่อสัตย์สุจริต แต่ถ้าทำได้เพียงแค่นี้ บอกเลยลำบากแน่ อย่าลืมว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มีมาตรา 44 ที่เป็นอำนาจพิเศษดังแก้วสารพัดนึก ดังนั้น ถึงวันนั้นถ้าคิดจะแก้ปัญหาทุจริตด้วยวิธีนี้อีก ปิดประตูได้เลย เพราะมีแค่อำนาจธรรมดา

ยิ่งถ้ารัฐบาลชุดหน้าภายใต้การกำกับของท็อปบูต เผชิญปัญหาเศรษฐกิจหรือปัญหาต่างๆ รุมเร้า แต่อยากจะแก้เกมแบบที่ทำอยู่ เพื่อเบี่ยงความสนใจหรือกระตุ้นเรตติ้ง คงต้องไปหาวิธีใหม่

การใช้มาตรา 44 พักงานข้าราชการ จะกระทำไม่ได้ การโยกย้ายข้าราชการ หรือพักงานในช่วงกลไกปกติไม่ง่ายเหมือนตอนนี้ เพราะอาจถูกฟ้องร้อง หรือเกิดแรงกระเพื่อมใต้น้ำในหมู่ข้าราชการ ดีไม่ดีจะมีเรื่องขึ้นศาลปกครองเป็นกระบุงโกย

ไม่มีใครเถียงว่ามาตรการพักงานข้าราชการที่พัวพันการทุจริตคือ หนึ่งในมาตรการที่ช่วยได้ ดีกว่านั่งงอมืองอเท้าเฉยๆ เพราะต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ข้าราชการคือกลไกหนึ่งที่นักการเมืองมักใช้เป็นเครื่องมือในการโกงกิน แต่มาตรา 44 มันไม่ใช่กฎหมายถาวรที่จะอยู่ยืนยงไปอีกยาวนาน มันมีเฉพาะแค่ คสช.เท่านั้น วันหนึ่งถ้านักการเมืองกลับมาแล้วไปขุดเอาพวกพ้องในกรุกลับมาใช้ มาตรา 44 ก็ไร้ความหมาย

ดังนั้น มันต้องมีวิธีแก้โกงในหมู่ข้าราชการที่มั่นคงและถาวรกว่านี้ แล้วต้องไม่ใช่ไว้ใช้เฉพาะตอนนาทีฉุกเฉิน ให้คนนินทาหมาดูถูก!
กำลังโหลดความคิดเห็น