“สุริยะใส กตะศิลา” มองกระแสนายกฯ คนนอก กำลังบดบังวาระการปฏิรูปประเทศ อีกทั้งสะท้อนความไม่เชื่อมั่นนักการเมืองที่มีอยู่เดิม แนะ คสช. ระวังอย่าให้กลายเป็นว่าล็อกสเปกล่วงหน้า พร้อมพิสูจน์ตัวเองปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แก้ปัญหาที่หมักหมมมานาน
วันนี้ (4 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯ วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย กล่าวว่า กระแสถกเถียงเรื่องนายกรัฐมนตรีคนใน หรือคนนอก กำลังเป็นประเด็นที่อาจเข้ามาบดบังวาระสำคัญของการปฏิรูปประเทศ และอาจเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งใหม่ได้อีก เพราะการเมืองช่วงเปลี่ยนผ่านมีความละเอียดอ่อนสูง และมีความจริงใหม่ ๆ หลายเรื่องเข้ามาท้าทายความเชื่อเก่า ๆ
ทั้งนี้ เรื่องนายกรัฐมนตรีคนใน หรือคนนอก ไม่ใช่ข้อถกเถียงใหม่ เพราะเคยเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นชนวนความขัดแย้งในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 มาแล้ว จนต้องเขียนรัฐธรรมนูญปิดกั้นนายกรัฐมนตรีคนนอก โดยกำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักการประชาธิปไตย เพราะต้องการให้ผู้นำยึดโยงกับประชาชน แต่หลักการนี้กำลังถูกเขย่าอย่างรุนแรงจากการเมืองที่ล้มเหลว
“กระแสนายกรัฐมนตรีคนนอก เริ่มแรงขึ้นมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นเงาสะท้อนความไม่เชื่อมั่นต่อนักการเมืองสูงขึ้นเท่านั้น และบรรดานักการเมืองต้องศึกษาทำความเข้าใจว่า กระแสนี้กลับมาได้อย่างไร และทำไมความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงสูงขึ้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และเชื่อว่า กระแสนี้อาจจะสูงขึ้นเป็นลำดับ ตราบใดที่บรรดานักการเมือง และพรรคการเมือง ยังไม่ปรับปฏิรูปตัวเองอย่างเป็นรูปธรรม” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวว่า เรื่องนายกรัฐมนตรีคนใน หรือคนนอก เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ คสช. ต้องระวัง อย่าให้สังคมเข้าใจว่า เป็นการออกแบบ หรือล็อกสเปกไว้ล่วงหน้า เพราะจะถูกมองว่าสืบทอดอำนาจ แต่ควรปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ หรือตามสถานการณ์ เพราะในขณะนี้ยังไกลเกินไปที่จะเอาประเด็นนี้มาพูดกันในตอนนี้ ที่สำคัญการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งยังเป็นวาระที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ต้องพิสูจน์ตัวเองไม่ใช่แข่งความนิยมกับนักการเมือง แต่ต้องแข่งกับปัญหาประเทศที่หมักหมมมานาน
