xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ ครม.ประยุทธ์ กระชับอำนาจรองรับอนาคต “ผมกำหนดเอง” !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

“คนที่จะตั้ง (รมต.) เป็นคนที่ผมกำหนดเอง” และ “ไม่มีเรื่องต่างตอบแทน” คำพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ยืนยันถึงแนวทางและหลักการการปรับคณะรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้

จากคำพูดที่แย้มออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนหน้านี้ ทำให้เข้าใจว่าการปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้น่าจะออกมาแบบ “ปรับเล็ก” นั่นคือ เพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการให้เต็มโควตาให้ครบ 35 คน ซึ่งก็เป็นเพิ่มอีก 2 ตำแหน่ง โดยที่เห็นชัดเจนแน่นอนแล้ว คือ จะเพิ่มตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อประสานงานกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการฯ ส่วนอีกตำแหน่งหนึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงใด

ขณะเดียวกัน สำหรับรายชื่อบางคนที่ปรากฏออกมาตามสื่อ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกรมหนึ่งในกระทรวงเกษตรฯ ที่ตามข่าวระบุว่า หลังจากเกษียณแล้วจะมานั่งเก้าอี้ดังกล่าว ก็ไม่เป็นความจริง หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง รวมไปถึงนายทหารที่คาดหมายว่าจะมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีหลังเกษียณจากกองทัพ เช่น พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ก็ถูกปฏิเสธเช่นเดียวกัน โดยเขาย้ำว่า ทั้งคู่ไม่อยากเป็น และเวลานี้ก็รับตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็เพียงพอแล้ว

คำปฏิเสธของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวกับสองนายทหารคนดังกล่าวที่กำลังจะเกษียณในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็เป็นการยืนยันว่า การปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้จะไม่มีเรื่อง “ต่างตอบแทน” อย่างที่พยายามวิพากษ์วิจารณ์กันไปก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตามองในคราวเดียวกัน ก็คือ กำลังจะมีการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) เพิ่มเติมอีก 30 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ออกมาเปิดโปงเอง ว่า มีความพยายาม “วิ่งเต้น” อยู่ตลอดเวลา แต่ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้เกิดขึ้น โดยเวลานี้ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสรรหาแล้ว

หากพิจารณาจากทั้งสองเรื่องดังกล่าว คือ ทั้งเรื่อง การปรับคณะรัฐมนตรี และการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพิ่มเติม มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงไปถึงอนาคตข้างหน้าอีกด้วย จึงทำให้เขาต้องมีความพิถีพิถันและลงมาคัดกรองโดยตรงแบบที่ไม่ผ่านใครเหมือนแต่ก่อน เพราะหากเกิดความผิดพลาดหรือเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นมาตัว พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีสิทธิ์ “หมดอนาคต” ได้เช่นเดียวกัน

เพราะหากจับอาการดูแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการระมัดระวังตัวมากผิดสังเกต เพราะรู้ดีว่าถ้าพลาดเที่ยวนี้ก็ยุ่งเหมือนกัน เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามฝ่ายนักการเมือง ทั้งฝั่งประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จ้องถล่มแบบไม่ยั้งอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่การโจมตีเรื่องการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติเพิ่มเติมว่าเป็นเพียงการแต่งตั้งเพื่อ “ต่างตอบแทน” พวกเพื่อนพ้องน้องพี่ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในปีนี้เท่านั้น และระบุว่าไม่มีความจำเป็นและสิ้นเปลืองงบประมาณ รวมไปถึงมีการจี้ให้มีการรับประกันว่าจะไม่มีเรื่องการวิ่งเต้นดังกล่าว

จากสัญญาณดังกล่าวย่อมทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อ่านเกมออกได้ไม่ยากว่า งานนี้จะพลาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องไม่เกิดเรื่อง “ต่างตอบแทน” หรือเพื่อนพ้องน้องพี่มากเกินไป แม้ว่าเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงได้ยาก เพราะเชื่อว่าถึงอย่างไรบรรดารายชื่อสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ชุดใหม่ที่จะแต่งตั้งเพิ่มเติมจะต้องมีพวกนายทหารทั้งที่เป็นอดีตและยังรับราชการอยู่จำนวนหนึ่งแน่นอน เพียงแต่ว่าหาก “ไม่น่าเกลียด” หรือออกมาแล้ว “ไม่ยี้” จนออกนอกหน้า มันก็คงพอรับได้ แต่ที่สำคัญก็คือ อย่าให้เกิดเรื่องอื้อฉาวจนถึงขั้น “ซื้อขาย” ตำแหน่งเป็นอันขาด แม้ว่าเรื่องแบบนี้เป็นการกล่าวหา บางทีก็ต้องการดิสเครดิตทำลาย แต่หากชี้แจงให้เคลียร์มันก็ทำความเข้าใจกันได้

เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นข้างหน้าทั้งสองเรื่อง คือ เรื่องปรับคณะรัฐมนตรี และการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ (สนช.) เพิ่มเติมอีก 30 เก้าอี้ มันถึงทำให้ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ต้องระมัดระวังตัวแจ อย่างที่ย้ำออกมาดังคำพูดตอนต้นที่ว่า “ผมกำหนดเอง” และ “ไม่มีเรื่องต่างตอบแทน” นั่นก็เท่ากับว่า งานนี้เขาจะลงมาเอง ไม่เปิดทางสะดวกเหมือนเมื่อก่อน

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาให้ละเอียดก็จะสังเกตได้ว่าคราวนี้จะเป็นลักษณะของการ “กระชับอำนาจ” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งหากพิจารณาจากสัญญาณที่เห็นชัดก่อนหน้านี้ตั้งแต่โผรายชื่อผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่มาแล้วที่พลิกกันในช่วงท้าย “ปลดล็อก” เริ่มต้นใหม่จนคลายความกดดันลงหลายระดับ

ดังนั้น หากบอกว่าทั้งการปรับคณะรัฐมนตรีและการแต่งตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติชุดใหม่เพิ่มเติมจะเป็นด่านพิสูจน์ครั้งสำคัญว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือไม่ หากออกมาเจ๋งสวยงาม นั่นก็ยิ่งเป็นการเพิ่มศรัทธากินยาวไปถึงอนาคตข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง และ “ไม่อยากให้พูดตอนนี้” แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้ามมันก็เหนื่อยหนักเอาการเหมือนกัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น