เมืองไทย 360 องศา
“ยืนยันว่าผมจะดูจากการทำงานของผมว่าผมสั่งอะไรไปในส่วนงานเชิงนโยบาย ถ้าเขาทำก็ถือว่าโอเค อะไรที่เป็นงานริเริ่ม เป็นงานของนโยบาย รัฐมนตรีเขาทำแล้วผมจะไปปรับใครทำไม สิ่งที่เราทำคือแผนงานต่างๆ ที่ทำมานานแล้ว ในการจะต้องตั้งรัฐมนตรีช่วยเสริมให้ แต่ทั้งหมดมันอยู่ที่ผมซึ่งผมจะต้องเมื่อไรก็แล้วแต่ผม ไม่มีใครมาบังคับผมได้ ซึ่งผมจะต้องพิจารณาในภาพรวมด้วย”
“คนจะปรับก็คือผมและผมเป็นคนที่เริ่มเองทั้งหมด ผมจะดูใครไม่ดีมีปัญหาก็จะปรับ”
เมื่อถามย้ำว่าจะสอดคล้อยกับระยะเวลาในช่วงเดือนตุลาคมที่จะมีการเกษียณอายุราชการของทหารด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่เกี่ยว ไม่ใช่เรื่องการตอบแทน การทำงานของรัฐบาล สื่ออย่าไปเขียนส่งๆ ว่า เป็นเรื่องการตอบแทนคนนี้คนโน้นว่าเกษียณอายุแล้วจะต้องมีการรองรับในตำแหน่งต่างๆ ผมถามว่าทำไมต้องทำแบบนั้น ไอ้ที่ทำงานมาด้วยกันปีที่แล้ว เป็นการทำงานที่ร่วมมากับผม ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะผมไว้ใจเขา ไม่เข้าใจอะไรกันเลยหรืออย่างไร ไปสนใจประเด็นที่เป็นกระพี้ ถ้าเขาทำดีอยู่แล้วผมจะไปปรับทำไม วันนี้ผมไม่ได้สนใจผลโพลต่างๆ และผมไม่สนใจที่จะมาใช้โพลในการปรับ ครม. ของผม ทุกคนก็ทำงานกันงกๆ มีรัฐบาลไหนมาทำงานแต่เช้า 07.30 น. เลิกงาน 19.00-20.00 น. ไปดูไปถามกันบ้าง เคยมีการประชุมแบบนี้ไหม ที่ผ่านมา รัฐมนตรีเข้ากระทรวงกันทุกวันหรือไม่ ครม.นี้มาทุกวัน ทำงานทุกวัน เสาร์ อาทิตย์ ก็ไม่ได้หยุด ดูความแตกต่างตรงนี้ อย่างเอาความรู้สึกเดิมๆ มาตัดสินตรงนี้ มันไม่ได้ โควตา ครม.ก็มีอยู่แล้ว มีไม่เกิน 35 คน ก็เหลืออยู่ 2 ตำแหน่งที่ว่างไว้เพื่อผมจะตั้งไปช่วยใครเท่านั้นเอง ซึ่งมันก็เรื่องของผม”
นั่นเป็นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี แม้ว่าจะไม่ได้รับคำตอบแบบยืนยันว่าจะปรับกันเมื่อไหร่ แต่หากพิจารณาแบบรวม ๆ แล้วก็เห็นสัญญาณออกมาแล้วว่าจะ “ปรับแน่” แต่จะเป็นแบบ “ปรับเล็ก” ที่อาจเป็นแบบเพิ่มจำนวนรัฐมนตรีช่วยว่าการเข้ามาให้เต็มโควตาให้ครบจำนวนคณะรัฐมนตรี 35 คน
แต่ที่น่าจับตาก็คือ การปรับคณะรัฐมนตรีคราวนี้จะเกิดขึ้นในราวเดือนตุลาคมหรือไม่ หากฟังจากอารมณ์และน้ำเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วมันก็มีแนวโน้มเป็นไปได้สูง
คำถามก็คือ ทำไมต้องเดือนตุลาคม มันก็เป็นเพราะเป็นช่วงเวลาเกษียณอายุราชการ ทำให้มีความคาดหมายกันว่าน่าจะต้องมีบรรดานายทหารเกษียณฯมารับตำแหน่งรัฐมนตรีในช่วงเวลานั้นบ้าง
ขณะเดียวกัน เท่าที่ประเมินจากความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้สำหรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการที่คาดว่าจะเพิ่มเข้ามาก็คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่จะเข้ามาช่วยงาน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯที่ตามข่าวค่อนข้างยืนยันกันว่าได้มีการหารือกันแล้วกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อขอเพิ่มตำแหน่งดังกล่าวให้มาช่วยงานในการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล
อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากระยะเวลาอายุรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่เริ่มแรกมาถึงวันนี้ก็ผ่านมานานพอสมควรอย่างน้อยก็เกินสองปี มีการปรับเล็ก ปรับกลางมาแล้ว จนถึงตอนนี้หากพิจารณาจากความเหมาะสมมันก็น่าจะถึงเวลาที่ต้องปรับเพื่อกระชับการทำงานกันอีกครั้งเหมือนกัน โดยเฉพาะกับเวลาที่เหลืออย่างจำกัดก่อนที่จะมีการเลือกตั้งตามโรดแมปในปลายปี 60 หรือปลายปีหน้า
แน่นอนว่า ด้วยเวลาที่เหลือจำกัดแบบนี้มันก็คงไม่สมควรที่จะปรับใหญ่ เพราะน่าจะออกมาในรูปของการเร่งขับเคลื่อนงานของรัฐบาลให้เป็นไปตามเป้าหมายให้มากที่สุด ถึงได้บอกว่ามันน่าจะออกมาในแบบ “เพิ่มเสริม” เข้ามาอย่างน้อย 2 ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยให้ครบโควตา รวมทั้งอาจจะปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีบางกระทรวงออกไปบ้าง แต่คงไม่ใช่กระทรวงหลัก
นั่นเป็นการคาดเดาจากสัญญาณของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อกระชับการทำงานของรัฐบาลให้เป็นไปตามเป้าหมายภายใต้เวลาที่เหลืออยู่อย่างจำกัดแค่ปีกว่าเท่านั้น ซึ่งหากสรุปช่วงเวลาปรับก็น่าจะเป็นช่วงเดือนตุลาคม ทำให้มองเห็นล่วงหน้าอีกว่าน่าจะมีนายทหารที่เกษียณออกมาช่วยงานในตำแหน่งรัฐมนตรีอีกสักรายสองรายค่อนข้างแน่
แม้ว่าพอถูกถามถึงเรื่อง “ต่างตอบแทน” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หงุดหงิดใส่ผู้สื่อข่าวก็ตาม แต่หากพิจารณาจากสภาพความเป็นจริง และความเป็นไปได้ก็คงไม่น่าจะผิดไปจากความคาดหมายที่ว่าต้องมีนายทหารเกษียณเข้ามาร่วมคณะรัฐมนตรีใหม่ ส่วนจะต่างตอบแทนหรือไม่ คำตอบอยู่ที่ตัวเขาเท่านั้น โดยเฉพาะในตำแหน่งของ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบกและเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้!