“ประยุทธ์” แจงใช้ ม.44 พักงานผู้ว่าฯ กทม.เพราะถูก สตง.ทักท้วง กันครหาสองมาตราฐาน ยังไม่ได้ชี้ว่าผิด ให้เข้าสู่การตรวจสอบ ไม่เกี่ยวน้ำท่วม เป็นเรื่องความโปร่งใส ย้อนจะแก้น้ำท่วมที่ต้นทาง จี้เสียสละไว้ใจนายกฯ ขออย่าเอาตนไปทะเลาะใคร ซัดพวกด่าหาช่องเลี่ยง กม.หวังกลับสู่ความขัดแย้ง ย้ำเคารพ “ป๋าเปรม” ไม่เคยทะเลาะ “ประวิตร” รับเชียร์ใครมากจะไม่แต่งตั้ง ดูผลงาน อาวุโส ขอสื่ออย่าแบ่งแยก ไม่มีสืบทอดอำนาจ แนะดู รธน.ที่แก่น
วันนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 26 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีการใช้มาตรา 44 พักงาน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่าเป็นเพราะมีเรื่องทักท้วงจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แต่ตนยังไม่บอกว่ามีการทุจริตหรือไม่ เรื่องนี้ทำเหมือนกรณีอื่นๆ มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นมาตรฐาน เพราะก่อนหน้านี้สื่อมวลชนก็มาว่าโดยบอกว่าเหตุใดตนไม่ทำคดีนี้ นั่นเป็นเพราะต้องทำตามขั้นตอน ยืนยันว่าการใช้มาตรา 44 ไม่ได้บอกว่าผู้ว่าฯ ผิดหรือไม่ผิด เพียงแต่ให้เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ หากไม่ผิดสามารถกลับมาทำหน้าที่ได้ แต่จะทำที่ไหนก็แล้วแต่ความเหมาะสม มาตรา 44 มีไว้ทำเช่นนี้ แต่ถ้าใช้อีกแบบแรงกว่านี้คือการชี้ผิดถูกไล่ออกโดยไม่ต้องสอบก็ทำได้ แต่ไม่ทำ เพราะต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกลไกกระบวนการยุติธรรมที่มีสิทธิต่อสู้ คนตรวจสอบจะได้สบายใจ ส่วนคนถูกตรวจสอบจะได้ไม่เป็นภาระมากนัก ถือเป็นสิ่งที่ดีของทั้งสองฝ่าย และประชาชนเองก็ต้องรอฟัง อย่าเพิ่งบอกว่าผิดหรือถูก เพราะบางทีเขาไม่มีโอกาสต่อสู้ แต่สังคมกลับบอกว่าผิดแล้วจะแก้ให้เขาอย่างไรหากไม่ผิด นี่คือปัญหาของประเทศ
ทั้งนี้ การพักงานดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการปัญหาน้ำใน กทม.ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นเรื่องของการตรวจสอบความโปร่งใส เพราะถ้าเกี่ยวกับน้ำท่วมก็คงต้องปลดและย้ายคนทั้งหมดเลยหรือไม่ อย่างนั้นคงต้องใช้มาตรา 44 ทุกจังหวัดเลยหรือไม่ แต่ให้รู้บ้างว่าทำเพื่ออะไร หากไม่ใช้เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการการตรวจสอบ และเป็นเรื่องของความเหมาะสมในบางกรณี รวมถึงทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ว่าจะแก้ไขอย่างไรหากไม่แก้ที่ต้นทาง ขณะเดียวกันจะทำอะไรก็ผิดทุกอย่างแตะไม่ได้ สร้างไม่ได้ ทำไม่ได้ แล้วจะแก้อย่างไร เมื่อคนต่อต้านทั้งหมดวันนี้แก้ได้เพียงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปบริหารจัดการ ให้กรมชลประทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ลงไปดู เร่งรัดทุกอย่างซึ่งสถานการณ์ในการบรรเทาอย่างเดือดร้อนดีขึ้น ไม่ได้ปล่อยปละละเลยแต่ที่ต้องแก้ไขทั้งระบบ ทำอย่างไรให้สามารถบริหารจัดการตั้งแต่ต้นทางได้ ขณะที่น้ำก็มากขึ้นทุกปี ที่ผ่านมาฝนตกบางพื้นที่แล้วจะให้ทำอย่างไร ดังนั้นทุกคนต้องเสียสละร่วมมือกันบ้าง และหากไม่ไว้ใจนายกฯ จะไว้ใจใครในตอนนี้ ตนจะทำทุกอย่างเพื่อความสมดุลในการพัฒนาประเทศ ดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และต้องสร้างสภาวะแวดล้อมให้ได้ก่อน จึงจะเป็นทางเลือกแก่ประชาชนทำให้ทุกฝ่ายที่ใช่แค่เกษตรกรชาวนาเพียงอย่างเดียว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถือดอกกุหลาบสีชมพูมาให้สื่อมวลชนดูพร้อมกับกล่าวว่าสีชมพูสวยดี สีชมพูเป็นสีแห่งความรัก จากนั้นได้ส่งดอกกุหลาบให้กับทีม รปภ.ก่อนเริ่มให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้อย่าเอาตนไปทะเลาะกับคนอื่น เสียเวลาเปล่าๆ พอพูดไปก็มีไปตอบโต้ด่าตนเสียหายผ่านโซเชียลฯ ทำไมคนเหล่านี้เขาไม่เกรงกลัวกฎหมาย ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่บังอาจไปแอบด่าใครแบบที่เขาด่าตนมีใครเขาด่ากันแบบนี้บ้าง ก็มีหลายคน สื่อก็เห็นอยู่แล้วถูกปิดสถานีไปแล้วก็ยังด่าในโซเชียลฯ ผ่านยูทิวบ์ นี่คือการหลีกเลี่ยงกฎหมายทุกอัน เพื่อทำให้บ้านเมืองเสียหาย สื่อควรจะไปไล่ล่าคนเหล่านั้นบ้างอย่าไล่ล่าแต่ตนข้างเดียว เพราะกำลังทำสิ่งดีๆ แต่เขากำลังทำให้สิ่งเหล่านี้กลับไปที่เดิม
“ผมถามว่าเป็นธรรมกับผมไหม เป็นธรรมกับคนไทย 70 ล้านคนไหมที่เขารอความหวังรออนาคต แต่คนที่จะกลับไปสู่อดีต ความขัดแย้งละเมิดกฎหมาย สู่ผลประโยชน์ตัวเอง ทั้งหมดเหล่านี้สื่อลองเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักดูหน่อย ผมอยากสร้างการรับรู้แค่นี้ วันนี้ต้องขอบคุณรัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีช่วยฯ ที่ทำทุกอย่าง เชื่อว่ามันจะต้องดีขึ้นวันนี้ทุกกระทรวงกำลังร่วมทำประวัติศาสตร์ ผมอยากให้สื่อร่วมกับรัฐบาลและคสช.ทำประวัติศาสตร์ประเทศไทยให้ได้ จะถือว่าสื่อร่วมสร้างประวัติศาสตร์อีก 20 ปีข้างหน้าร่วมกับผม ฉะนั้นถ้ามันไม่ดีเราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ผมอาจจะมากหน่อยเพราะเป็นผู้นำแต่อย่ามาโยนให้ผมรับทั้งหมด โดยที่ทุกคนไม่รับอะไรเลยเอาแต่ดีอย่างเดียวไม่ได้ ต้องร่วมกันรับผิดชอบประเทศที่เสียหายมันจะกระทบกับท่านไม่เกี่ยวกับผม” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถือว่าได้กำลังใจเพิ่มจากเดิมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า กำลังใจมีดีอยู่แล้ว ไม่เคยท้อแท้ ไม่เคยเหนื่อย สำหรับองคมนตรีฯ ตนได้กล่าวไปแล้วและรู้ว่าท่านเป็นกำลังใจให้ตลอด และตนเคารพท่านตลอดเวลา และทุกคนในกองทัพก็เคารพ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร การแต่งตั้งก็เรียบร้อยไปก่อนหน้านี้แล้ว และตนก็ไม่เคยทะเลาะกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม อันไหนที่คิดแล้วมีบางอย่างไม่ตรงกันก็คุยกันเดี๋ยวก็ได้ข้อสรุป นี่เขาเรียกว่าทำงานด้วยกันได้ ไม่ใช่อะไรต้องข้างนี้ข้างนู้น แต่ต้องใช้เหตุผล และที่ผ่านมาไม่เห็นมีอะไรที่จะขัดแย้งกันมากมาย ก็เอาทุกคนมาใส่ตะกร้าแล้วกรองว่าสถานการณ์นี้ควรจะเป็นใคร แค่นั้นเอง ได้ข้อสรุปมาเป็นไปตามคำสั่ง อย่าทำที่เหลือว่าเขาทำงานกันไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกัน
นายกฯ กล่าวด้วยว่า บางครั้งเวลาเสนอก็มีการเชียร์คนนั้นคนนี้ การแต่งตั้งมันเชียร์เหมือนมวยไม่ได้ ถ้าเป็นตนใครที่เชียร์และเอาใจมากๆ จะไม่ให้ แต่จะดูการทำงานของคน บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารได้เซ็นไปแล้วเพราะคุยกันจบนานแล้ว อยู่ในขั้นตอนการทำรายชื่อซึ่ง ผบ.เหล่าทัพลงนามรับผิดชอบการแต่งตั้งขึ้นมาแล้วและตนได้เรียกให้มาชี้แจง ว่าทำไมเป็นคนนี้คนนั้นก็จบเพราะทุกคนสามารถเป็นได้หมด เพียงแต่ต้องดูความอาวุโส ผลงาน ถ้าไม่มีผลงานจะขึ้นเป็น 5 เสือ 5 สิงห์ไม่ได้ เขามีผลงานทุกคนหากทุกคนเก่งเท่ากันต้องดูความเป็นรุ่นพี่ แต่ไม่ได้ดูว่าเหลือกี่ปีหรือจะสอดรับกับตนมันไม่เกี่ยว เขาโตมาอย่าไปทำลายอนาคตเขาไปว่าจนเสียหายหมด
เมื่อถามว่ารายชื่อแต่งตั้งเป็นไปตามที่เปิดเผยบนสื่อหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าไม่รู้ ตนไม่ได้ดูรายชื่อบนหน้าสื่อมานานแล้ว เพราะขี้เกียจดูเวลาเสนอมาชื่อไม่ตรงจะว่าไง ใครรับผิดชอบ ทำเขาผิดหวัง คิดถึงเขาบ้างบางทีคนนี้ คนนั้นไม่ดี แต่หลักฐานไม่มี พูดมาทำให้เขาเสียหายเขาแก้ตัวได้ไหม วันหลังเขาคงจะเล่นงานสื่อบ้างเพราะตัวเขาและครอบครัวเสียหาย สำหรับคุณสมบัติของ ผบ.ทบ.คนใหม่ไม่มีพิเศษ ถ้าตนเป็นผบ.ทบ.ต้องเป็นคนพิเศษหรือ มันไม่ใช่คนที่จะเป็นต้องดูแลกองทัพให้ได้
“อำนาจมีไว้เพื่อดูแลกองทัพ ไม่ได้มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ ไม่ใช่คอยสนับสนุนรัฐบาล แต่เขาทำงานในหน้าที่ของเขาซึ่งต้องสนับสนุนทุกรัฐบาลอยู่แล้ว ผมก็เคยทำ วันนี้ผมเป็นรัฐบาลเขาก็ต้องสนับสนุนผม ใช้อำนาจให้ถูกต้องมันก็จบแค่นั้น ถ้าไปตั้งส่งเดชเรื่อยเปื่อยไม่ได้ และทุกคนเขาก็ดีเหมือนกันหมด จะเป็นพลเอก พลโท พลตรี นายพลก็คือนายพล จะมีกรุตรงไหน คนที่ไม่มีตำแหน่งเขาก็ตั้งเป็นคณะทำงานมีไม่รู้กี่คณะ ทำเหมือนสภาที่ตนตั้งไว้ 20-30 คณะ ในส่วนทหารเขาก็มีคณะทำงานดูแลงานต่างๆ ช่วยกันขับเคลื่อนนำมาสรุปงานใน 5 เสือ และที่ประชุม ผบ.ทบ.เขาทำงานกันเป็นระบบแบบนี้ ไม่ใช่เป็นตัวคน ทหารอยู่มาเป็นร้อยปีแล้ว ไม่อย่างนั้นคงตีกันตายนานแล้ว ผมอยู่มา 4 ปีก็ไม่มีปัญหา ไม่ได้ตั้งพวกนี้พวกนั้น แต่ตั้งทุกพวก แต่เราไปแบ่งแยกกันเอง อย่าให้เขารู้สึกว่าถูกแบ่งแยก ท้ายที่สุดก็จะไม่ดีทั้งคู่ และจะดีต่อประเทศชาติไหม รัฐบาลหน้ามาเขาก็ต้องมาปกครองบังคับบัญชาอยู่ดี หนีได้ที่ไหน ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินมีอยู่ เขามีอำนาจมีสิทธิ์ขาดดูแลสนับสนุนพัฒนากองทัพ ทำไมจะต้องมาตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจ ผมไม่ได้อะไรสักอย่าง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ทุกอย่างมองเป็นการสืบทอดอำนาจหมด ทำไมไม่มองว่าสิ่งที่ทำวันนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรในวันข้างหน้า ส.ว.จะทำหน้าที่อะไร รัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้ทำอะไร บทเฉพาะกาลเขียนอย่างไร ให้ดูไส้ในดูแก่นก่อน อย่ามาดูกระพี้ สนใจกันแต่กระพี้ข้างนอก แล้วก็ตีกันอยู่เรื่องนี้หาแก่นไม่เจอ ศาสนาเขายังมีแก่นศาสนา ก็ดูพระพุทธเจ้าสอนอะไรไว้ ไม่ใช่ฟังนู่นนี่แล้วมาทะเลาะกัน