“พระสุธรรม” พร้อมทนายเป็นตัวแทน “พระทัตตชีโว” รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เข้าพบดีเอสไอ ปัดพบ “พระธัมมชโย” เนื่องจากอาพาธ หวั่นติดเชื้อเพิ่ม
วันนี้ (4 ส.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พระสุธรรม สุธัมโม เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย สาขานครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พร้อมด้วย นายเอกชัย ฐปนานนท์ เลขาส่วนตัว เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำเรื่องเส้นทางการเงินวัด เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีของ พระธัมมชโย ผู้ต้องหาในคดี ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และร่วมรับของโจร
พระสุธรรม เปิดเผยก่อนเข้าให้ปากคำ ดีเอสไอ ว่า วันนี้ อาตมา ได้รับมอบหมายจาก พระทัตตชีโว ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางมาให้ปากคำ ดีเอสไอ ในประเด็นการบริหารและระเบียบการจ่ายเงินของวัด ซึ่งเป็นการให้ความร่วมมือกับ ดีเอสไอ ในการให้ข้อมูล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ต้องมีข้อมูลชัดเจน เนื่องจากการแจ้งข้อกล่าวหา หรือออกหมายเรียกต้องเป็นขั้นตอน แต่ ดีเอสไอ บอกว่าเลยขั้นตอนดังกล่าวมาแล้ว
“วัดพระธรรมกายได้ขึ้นตรงต่อ มหาเถรสมาคม มีจุดประสงค์เพื่อบำรุงพระศาสนาของชาวพุทธ มีผู้ก่อตั้ง คือ คุณยายจันทร์ ขนนกยูง ท่านเป็นศิษย์วัดปากน้ำฯ พระเทพมงคลมุนี ฉะนั้น ตลอดเวลา 45 ปี เราได้ทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย ทั้งนี้ หากเอกสารสมบูรณ์ทางอัยการก็ไม่น่าจะส่งกลับมา แต่อาตมายินดีให้ปากคำต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนฟังไว้น้ำหนักความน่าเชื่อถือของคำพูดคนบางคนไม่ตรงความจริง และอยากให้ความเป็นธรรม”
พระสุธรรม กล่าวอีกว่า อาตมาไม่อยากให้คนเข้าใจผิดมาเรียกว่า 5 เสือ ซึ่งที่จริงทุกรูปยังเป็นพระ ไม่ใช่เสือ จึงอยากจะบอกว่าการใช้คำบางสิ่งบางอย่างต้องเหมาะสมตามสรรพนาม หรือสถานภาพด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานอะไรมาชี้แจงหรือไม่ พระสุธรรม กล่าวว่า อาตมาเป็นนักวิชาการพระพุทธศาสนาไปปฏิบัติศาสนกิจธรรมทูตในต่างประเทศเกือบ 20 ปี แต่เป็นห่วงสถานการณ์ก็เลยมาพร้อมให้ปากคำ และตั้งแต่กลับมายังไม่ได้เข้าพบ พระธัมมชโย เนื่องจากอาพาธกลัวไปติดเชื้อจึงไม่ได้มีโอกาสพบเจอกัน
ด้าน นายเอกชัย กล่าวว่า วันนี้ พระสุธรรม เดินทางมา ดีเอสไอ ไม่ได้มาในฐานะผู้ต้องหา หรือพยาน แต่มาในฐานะผู้ถูกเชิญ เพื่อขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ว่า ต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย แต่การใช้กฎหมายต้องปราศจากอคติ สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดในคดีนี้ คือ ไม่เป็นไปตามหลักสากลเนื่องจากมีพระ 5 รูป จากวัดพระธรรมกาย ถูกเรียกมาสอบปากคำในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดตั้ง การบริหารงานและเส้นทางการเงินของวัดพระธรรมกาย ระหว่างปี 2552 - 2556 ที่มีการอ้างว่าฟอกเงินและยักยอกทรัพย์ ของคดี พระธัมมชโย ที่ถูกกล่าวหา ทั้งนี้ การเรียกพระ 5 รูปนั้นควรจะเรียกมาก่อนแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับพระธัมมชโย
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า สำหรับการเรียกพระ 5 รูปมาสอบปากคำนั้น หากย้อนไปตั้งแต่ปี 2552 - 2559 รวมระยะเวลา 7 ปี แต่ ดีเอสไอ เรียกพระ 5 รูปมาสอบปากคำใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งทางวัดได้ขอเลื่อน เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมากต้องตรวจสอบ และติดศาสนกิจ แต่ขอเลื่อนในเวลาช่วงสั้น ๆ กลับปรากฏว่า พระมหาบุญชัย ถูกทาง ดีเอไอ แจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง อ้างว่า ต้องเร่งรัดส่งสำนวนให้อัยการก่อนวันที่ 11 ส.ค. นี้ โดยอัยการเห็นว่าสำนวนอ่อน จึงเรียกพระมาสอบเพิ่มเติมเป็นเร่งด่วน ทั้งนี้ขอชี้แจงว่า ในหนังสือคำบอกกล่าวเรียกพระมาเป็นพยาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 106/1(2) ระบุว่า จะต้องมีวันเวลาและสถานที่ชัดเจน แต่ดีเอสไอกลับไม่ได้ระบุสถานที่นัดหมาย จึงถือว่าเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์