“ประวิตร” แจงคำสั่ง ม.44 คุ้มครองศาสนา เพื่อแก้ไฟใต้เหตุมีการปลุกปั่น รับแก้ปัญหาที่ไม่เข้าใจ รธน. เชื่อสถานการณ์ดีขึ้น ไม่เกี่ยวปมพระสงฆ์ ยังไม่ชัดเจนป่วนหลายจังหวัดใต้ฝีมือใคร แต่ทีมคุยสันติสุขยันไม่ใช่ BRN แบบที่ ผบ.ตร.บอก ตามเหตุ ขรก.ถูกขู่ปมทวงคืนพื้นป่าชายเลนใต้ ชี้คำถามพ่วงหน้าที่ สนช.จบแล้ว ปล่อย กรธ.ปรับเนื้อหา ท้ายสุดอยู่ที่ศาล รธน.
วันนี้ (23 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 เรื่องมาตรการอุปถัมภ์และคุ้มครองศาสนาต่างๆในประเทศไทยว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นการแก้ไขสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีบางกลุ่มนำประเด็นดังกล่าวไปปลุกปั่นทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ และลดปัญหาความเลื่อมล้ำที่คนในพื้นที่คิดว่ามีอยู่ ทั้งที่รัฐบาลไม่เคยคิด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คำสั่งนี้เป็นการแก้ปัญหาประชาชนในพื้นที่เข้าใจเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญผิดหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ประชาชนอาจจะไม่เข้าใจ เราไม่มีเจตนาให้เป็นไปตามที่เขาคิด เราอาจจะเขียนไม่ชัดเจนไปหน่อย นายกฯ จึงใช้วิธีการนี้เพื่อแก้ปัญหา เพราะกลัวว่าประชาชนจะคิดว่าไม่มีการดูแลศาสนาอื่น ผมเชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะไม่มีเงื่อนไขอะไรให้ปลุกปั่นแล้ว อะไรที่เป็นเงื่อนไขเราต้องลบมันออกไป”
เมื่อถามย้ำว่าคำสั่งดังกล่าวต้องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของคณะสงฆ์ที่ยังมีอยู่ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ต้องการแก้ไขเรื่องศาสนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก กรณีความขัดแย้งของพระสงฆ์ไม่เกี่ยว
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ระบุว่าผู้ก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคใต้เป็นกลุ่มบีอาร์เอ็นรุ่นใหม่ว่า ข้อมูลดังกล่าวยังไม่ได้ยืนยัน แต่สิ่งที่คณะพูดคุยสันติสุขยืนยันกับตนว่าบีอาร์เอ็นไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งยังไม่ชัดเจนต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน แต่ผู้ที่ก่อเหตุเป็นคนหนุ่มทั้งหมดตามภาพที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะมีการพูดคุยสันติสุขในช่วงเดือนกันยายน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาคุยกันมาตลอดอยู่แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ ทางประเทศมาเลเซียก็ยืนยันจะช่วยเหลือเรา แต่ขณะนี้ตนยังไม่เห็นร่างทีโออาร์ที่คณะพูดคุยของทั้งสองฝั่งจะนำไปหารือกัน
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการทวงคืนพื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดภาคใต้ แต่มีข้าราชการบางส่วนต้องลาออกจากพื้นที่เพราะถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพลจนต้องขอกำลังทหารเข้าไปดูแลว่า เราต้องแก้ปัญหาและเดินหน้าต่อไป ข้าราชการอาจจะหวาดกลัวซึ่งมีปัญหาเพียงแค่บางคน แต่ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา และไม่ทราบว่ามีการข่มขู่ ขณะนี้กำลังติดตามอยู่
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อถึงกรณีข้อเสนอของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ต้องการให้ ส.ว.สรรหาเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ว่า เรื่องนี้ต้องไปดูในเนื้อหาทั้งร่างรัฐธรรมนูญ บทเฉพาะกาล และคำถามพ่วง เพราะทั้งหมดไม่เหมือนกันเลย ซึ่งตนก็ไม่ทราบรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหมือน สนช.จะทำเกิดเส้นของคำถามพ่วงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี ทำไม่ได้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ สนช. หน้าที่ของ สนช.จบตั้งแต่เสนอคำถามพ่วงไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว เมื่อผลประชามติออกมาก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ในการปรับเนื้อหาร่างฯ ให้เป็นไปถามผลของประชามติ ซึ่ง กรธ.รู้ว่าควรทำอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า สนช.ต้องฟัง กรธ.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ใช่ เพราะเป็นเรื่องของ กรธ. และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกระแสข่าวที่ออกมา สุดท้ายก็ไปอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตัวหนังสือบ่งบอกทั้งหมดไม่ต้องไปตีความ