ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบงบประมาณ 330 ล้าน สร้างเรือนจำโครงสร้างเบา 17 แห่ง พร้อมเตรียมนักโทษถูกปล่อยตัวมีอาชีพ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ย้ำนักโทษข่มขืนแล้วฆ่าไม่รวมกลุ่มได้อภัยโทษ พร้อมไฟเขียว พ.ร.บ.ขยะมูลฝอย ให้ท้องถิ่นใช้ประโยชน์ได้
วันนี้ (9 ส.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า เรื่องที่กระทรวงยุติธรรมขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง และรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการก่อสร้างเรือนจำโครงสร้างเบา ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม บอกว่า เรื่องนี้เคยได้รับอนุมัติจาก ครม.มาแล้ว เป็นงบประมาณจำนวน 330 ล้านบาท ซึ่งในตอนนั้นได้จัดทำแผนที่จะเอาไปทำเรือนจำเพิ่มเติม 5 แห่ง แต่มาคิดอีกทีแล้วยังเป็นการไม่ตอบโจทย์
โจทย์ที่ว่าคือ ประการแรก ปัจจุบันมีคนล้นคุก เรือนจำมีอยู่จำกัด อัตราการเพิ่มของนักโทษ เฉลี่ย 3,000 คนต่อเดือนในทั่วประเทศ ประการที่ 2 ในรอบ 1 ปี จะมีเพียง 3 โอกาสที่จะมีการขอพระราชทานอภัยโทษ และมีการปล่อยให้กลับมาใช้ชีวิตในสังคมปกติ โดยในปีหนึ่งนั้นจะมีผู้ต้องขังพ้นโทษออกมาเฉลี่ย 27,000-30,000 คน แต่คนในสังคมก็จะมีความกังวลเล็กๆ ว่าคนที่ถูกปล่อยออกมาแล้วเขาจะกลับมามีพฤติกรรมแบบเดิม หรือจะเป็นอันตรายต่อสังคมหรือไม่
ในขณะเดียวกัน ตัวของผู้ที่ถูกคุมขังเขาก็ประสบปัญหาว่าในช่วงที่ไปอยู่ในเรือนจำ และช่วงที่ออกมาอยู่ในสังคมปกติแตกต่างกัน ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้ทันทีหลังการปล่อยตัว วันนี้ทางกระทรวงยุติธรรมปรับแผน ขอจัดทำเรือนจำโครงสร้างเบาจำนวน 17 แห่ง ใน 5 ภูมิภาค เพื่อที่จะรองรับผู้ที่พ้นโทษในปีนั้นๆ เพื่อส่งเสริมอาชีพ อบรมให้ความรู้ และให้กำลังใจ ให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ
โครงสร้างเรือนจำเบานั้น จะเป็นการจัดให้มีเรือนพักชั่วคราวจำนวน 1-2 หลัง มีรั้วรอบ แต่อาจจะไม่เข้มงวดเท่าเรือนจำหลัก ซึ่งคนที่ถูกย้ายจากเรือนจำหลักมาอยู่ในเรือนจำโครงสร้างเบา ถือเป็นบุคคลที่เตรียมจะได้รับการปล่อยโทษแล้ว แต่เพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจ เพราะที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมาว่า ผู้ที่มีคดีข่มขืน ฆ่า สังคมมองว่าอยากให้ลงโทษถึงขั้นเสนอให้มีการประหารชีวิต แต่ผู้ที่ได้รับการอภัยโทษและจะถูกปล่อยตัว จะไม่อยู่ในขอบข่ายกลุ่มพวกโทรมหญิง คดีข่มขืน และคดีข่มขืนและฆ่า จะไม่มีพวกเหล่านี้ที่จะได้รับการอภัยโทษ
พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง หรือเรียกว่า พ.ร.บ.ขยะมูลฝอย ซึ่งร่างกฎหมายนี้มีมาตั้งแต่ปี 2535 ถือว่าเก่ามาก ไม่ทันสมัย ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยจึงได้เสนอร่างนี้เข้ามา เพื่อให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถนำกฎหมายฉบับนี้ไปแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในพื้นที่ได้อย่างเร่งด่วน โดยมีหลักการสำคัญ คือ ให้สามารถนำขยะมูลฝอยไปใช้หรือหาประโยชน์ได้ โดยได้กำหนดเขตพื้นที่ในการเก็บ แยก กำจัด โดยได้ท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการ และสามารถดำเนินการกับเอกชนได้ แต่ต้องมีการขออนุญาตก่อน
อย่างไรก็ดี ร่างฉบับนี้ยังไม่ครอบคลุมขยะประเภทอื่นๆ ที่ไม่ใช่ขยะทั่วไป จึงยังสามารถแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจร แต่เพื่อการแก้ปัญหาเร่งด้วยก่อน ครม.จึงได้อนุมัติร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ไปก่อน ส่วนกฎหมายที่จะต้องแก้ปัญหาเรื่องขยะมูลฝอยให้ครอบคลุมทุกประเภท ก็ได้มีการมอบหมายให้แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการจัดทำร่างอีกครั้ง