“ประยุทธ์” ประชุมนวัตกรรม เผยหลายชิ้นผ่าน มอก.เดินหน้าผลิตใช้จริง รับอยากลดขาดดุลการค้า ย้อนศิษย์ธรรมกายผิดหรือถูกก็ต้องเข้ากระบวนการ กม. สวนคนทั้งประเทศไม่ยอมรับ ขออย่าลืมเราอยู่กับ กม.โลก มองข่มขืนแล้วประหารก็ไม่กลัวกัน อย่าใช้ กม.จนเสพติด แนะให้ช่วยกดดันคนทำผิด แซว นศ.ฝึกงานนักข่าว ตนคงอยู่ไม่ทันได้ทำงานจริง เหตุยึดตามโรดแมป
วันนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ ครั้งที่ 3/2559 ว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องสำคัญ คือ เรื่องเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนาซึ่งมีหลายเรื่องที่เราทำมาแล้วเยอะมากตลอดเวลา 1 ปี 9 เดือนที่ผ่านมา โดยที่ผ่านมาระบบการวิจัยพัฒนาประเทศที่พันกันหลายอย่างทั้งหมดซึ่งเรากำลังปฏิรูปและแก้ไขที่ผ่านมาที่ไม่ใช่เฉพาะหน้าที่ของกระทรวงงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเท่านั้น แต่หลายกระทรวงที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมทำ ทั้งกฎหมาย การศึกษา ความร่วมมือ พ.ร.บ.ร่วมทุน และต้องใช้เวลาทำนานพอสมควร วันนี้มีนวัตกรรมหลายอย่างที่ขึ้นบัญชีผ่านมาตราฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) แล้ว เพื่อไปสู่การผลิต แต่ก็ขึ้นอยู่ว่าใครจะรับไปผลิต นอกจากจะให้เป็นแค่งานวิจัย
“อย่างน้อยรัฐบาลนี้ก็ทำให้เกิดขึ้น อย่างน้อยมันจะกี่อย่าง มันจะมากจะน้อย เราก็เริ่มต้นแล้ว มันกำลังจะไปต่อไป มันต้องหาให้คนมาลงทุน เราลงทุนมากทั้งหมดไม่ได้ รัฐบาลก็จะไปหามาตรการว่าจะทำยังไงเมื่อผ่าน มอก.แล้ว มีการผลิตมาแล้ว แล้วเราจะให้ส่วนราชการเขาใช้ได้อย่างไร การใช้งบประมาณ รัฐบาลต้องช่วยทั้งสิ้น ผมก็อยากจะลดการขาดดุลการค้าของประเทศให้ได้ โดยเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นกับประชาชน ราคาต้องไม่สูงมากนัก” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการกล่าวอ้างในลักษณะเดียวกันกับศิษย์วัดพระธรรมกายว่า ตราบใดที่ประเทศไทยยังไม่มีประชาธิปไตยก็จะไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ในกรณีที่มีความผิดว่าตอนนี้จะต้องรอดูกฎหมายว่าบัญญัติไว้อย่างไร เท่าที่ทราบทุกฝ่ายกำลังเดินหน้าอยู่ในทุกคดี ไม่เคยละเว้นแม้แต่คดีเดียว ประชาชนก็ต้องดูและคิดเอาเองว่าประเทศมีกฎหมายไว้เพื่ออะไร ผิดหรือถูกอย่างน้อยที่สุดก็ต้องออกมารับในการเข้าสู่กระบวนการ และขั้นตอนตามกฎหมาย แต่ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันกลับไม่รับอะไรเลยสักอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า จะใช้มาตรา 44 เอาผิดต่อผู้ที่ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมในคดีวัดพระธรรมกาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 44 มีการประกาศใช้อยู่แล้ว โดยให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจในการจับกุม “ไม่เช่นนั้น ถ้าเข้าไปในพื้นที่ทีไรก็ถูกสวนกลับออกมาทุกที แล้วก็กลายเป็นเรื่องของการผิดพลาดจนเกิดการฟ้องร้องขึ้นมา และเดือดร้อนขึ้นมา แต่วันนี้ทุกฝ่ายเขารู้แล้ว จะยั่วยุอย่างไรก็ไม่ขึ้น เว้นแต่กรณีจะเกิดอันตรายต่อตัวเจ้าหน้าที่ หรือประชาชน เขาก็มีสิทธิที่จะป้องกัน แค่นั้นเอง วันนี้ที่เข้าไปดำเนินการกับพระ ผมให้ความเป็นธรรมทั้งสิ้น เพราะวันนี้ผมไม่อยู่ตรงกลางไม่ได้ แต่ก็จะต้องเดินตามกฎหมาย ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำเช่นนี้ ขอร้องสื่ออย่าไปตั้งคำถามบ่อย เดี๋ยวจะติดกันไปหมด ควรจะไปถามผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเขาจะทำอย่างไรต่อไป เพราะประชาชนทั้งประเทศไม่ยอมรับอยู่แล้ว ขอร้องว่าอย่าเอาคนกลุ่มหนึ่งไปสู้กับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ไปถามคนทั้งประเทศดีกว่าจะเอาอย่างไร กฎหมายควรต้องดำเนินการอย่างไร จะให้ยกโทษในทุกคดีทั้งประเทศให้กับทุกคนเพื่อรอให้ประเทศมีประชาธิปไตยก่อนอย่างนั้นหรือ เราจะอยู่กันอย่างนั้นหรือ”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่มีผู้เสนอให้ลงโทษประหารชีวิต หลังเกิดคดีฆ่าโหดครูสาว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี และผู้กระทำความผิดในคดีข่มขืนแล้วฆ่าว่า “ให้กลับไปดูทั่วโลกว่าเขาว่าอย่างไร อย่าไปคิดเอาเอง วันนี้อย่าลืมว่าเราอยู่กับกฎหมายโลก กฎหมายระหว่างประเทศ สิทธิมนุษยชน ทั่วโลกยกเลิกการประหารชีวิตกี่ประเทศแล้ว ของเราประหาร 3 ครั้งก็ยังแก้ไขอะไรไม่ได้เลย ที่ผ่านมาก็ใช้ในทุกมาตราแล้ว ทั้งกฎหมายปกติ และมาตรา 44 ซึ่งไม่มีอะไรแรงไปกว่านี้ ก็ยังไม่กลัวกันเลย ถ้าให้มีการประหารชีวิตก็คงต้องประหารสัก 3 ชาติถึงจะกลัว อย่ามาใช้กฎหมายจนเสพติด อย่าไปเสพติดกฎหมายจนไปสู่อำนาจ ไปสู่ผลประโยชน์ อย่าไปเสพติดแบบนั้น ขอให้ใช้ในเชิงสร้างสรรค์ ดีกว่า สังคมก็ต้องช่วยกันกดดัน นักข่าวก็ต้องช่วยกันประณาม สื่อต้องช่วยผมในการกดดัน คนที่ทำความผิดเหล่านี้ให้มันสงบ อย่าปล่อยให้มีปากมีเสียงอยู่ได้”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามียาอะไรจะแก้เสพติดอำนาจ และเสพติดการใช้กฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเชิงหยอกล้อว่า “เราทำแล้ว เดี๋ยวไปเอาที่ห้องทำงานมาให้สื่อกินคนละเม็ด ให้ลองกินดูว่าจะหายหรือไม่ ผมล้อเล่นนะ”
ภายหลังที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ ได้หันไปถามกลุ่มนักศึกษาฝึกงานว่าทำไมถึงมีนักศึกษาฝึกงานจำนวนมาก ชอบอาชีพนักข่าว เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันหรือ ดีแล้ว ขอให้เป็นนักข่าวที่ดี รุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ขณะนี้เขาก็ดีอยู่แล้ว เสียดายที่ตนอยู่ไม่ทันที่นักศึกษาฝึกงานจะได้เป็นนักข่าวจริง ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวกระเซ้าว่า ไม่แน่อาจจะอยู่ถึงก็เป็นได้ พล.อ.ประยุทธ์หันมาค้อนพร้อมกล่าวว่า “จะมาไม่แน่อะไร โรดแมปก็ต้องเป็นไปตามโรดแมป สถานการณ์อะไรทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนนั้นๆ อยู่แล้ว”