ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (5 เม.ย.) หลังมีการซื้อขายในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่ไม่ได้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,603.32 จุด ลดลง 133.68 จุด หรือ 0.75% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,843.93 จุด ลดลง 47.87 จุด หรือ 0.98% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,045.17 จุด ลดลง 20.96 จุด หรือ 1.01%
ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดัน หลังเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้ามากกว่าคาดในเดือนก.พ. เนื่องจากการนำเข้าสูงกว่าการส่งออก
กระทรวงระบุว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 2.6% สู่ระดับ 4.71 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลในเดือนม.ค.มีการปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.59 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 4.57 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าจะอยู่ที่ระดับ 4.62 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวมากกว่าคาดในเดือนมี.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัว แต่จำเป็นต้องมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกเพื่อยืนยันแนวโน้มนี้
ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 54.5 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 53.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2014
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีในเดือนก.พ. โดยชาวสหรัฐที่มีงานทำมีจำนวน 5.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.8% จากเดือนม.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2006
สำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวลดลง 1.99% ขณะที่หุ้นกลุ่มสุขภาพก็ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮล์ธ กรุ๊ป ปรับตัวลดลง 1.89%
หุ้นแอลเลอร์แกน ร่วงลงเกือบ 15% หลังสหรัฐประกาศระเบียบการจัดการกับบริษัทที่มีการย้ายที่ตั้งสำนักงานเพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งอาจทำให้บริษัทมีกำไรลดลง
หุ้นดิสนีย์ ปรับตัวลดลง 1.7% หลังบริษัทประกาศว่า นายโทมัส สแต็กส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เตรียมลาออกจากตำแหน่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,603.32 จุด ลดลง 133.68 จุด หรือ 0.75% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,843.93 จุด ลดลง 47.87 จุด หรือ 0.98% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,045.17 จุด ลดลง 20.96 จุด หรือ 1.01%
ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดัน หลังเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้ามากกว่าคาดในเดือนก.พ. เนื่องจากการนำเข้าสูงกว่าการส่งออก
กระทรวงระบุว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 2.6% สู่ระดับ 4.71 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ขณะที่ตัวเลขการขาดดุลในเดือนม.ค.มีการปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.59 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 4.57 หมื่นล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าจะอยู่ที่ระดับ 4.62 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวมากกว่าคาดในเดือนมี.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัว แต่จำเป็นต้องมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกเพื่อยืนยันแนวโน้มนี้
ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 54.5 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 53.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2014
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปีในเดือนก.พ. โดยชาวสหรัฐที่มีงานทำมีจำนวน 5.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.8% จากเดือนม.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2006
สำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ปรับตัวลดลง 1.99% ขณะที่หุ้นกลุ่มสุขภาพก็ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ดเฮล์ธ กรุ๊ป ปรับตัวลดลง 1.89%
หุ้นแอลเลอร์แกน ร่วงลงเกือบ 15% หลังสหรัฐประกาศระเบียบการจัดการกับบริษัทที่มีการย้ายที่ตั้งสำนักงานเพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งอาจทำให้บริษัทมีกำไรลดลง
หุ้นดิสนีย์ ปรับตัวลดลง 1.7% หลังบริษัทประกาศว่า นายโทมัส สแต็กส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เตรียมลาออกจากตำแหน่ง