ปชป. แถลงขอบคุณเสียงสะท้อนหัวหน้าพรรค ทั้งดอกไม้ และก้อนอิฐ หลังแถลงจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ระบุถึงเห็นต่างแต่ทำงานเพื่อบ้านเมืองได้ เชื่อเปิดโอกาสให้มีรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์มากขึ้น โรดแมปเดินหน้าตามปกติ ทีมกฎหมายชี้ร่างรัฐธรรมนูญปราบโกงไม่จริง ปล่อยผีคนโกงเข้าสู่การเมือง ไม่มีแล้วตัดสิทธิ์ตลอดชีวิต ใครเคยถูกถอดถอน อีก 5 ปี เข้ามาเล่นการเมืองใหม่ได้ นิรโทษกรรมจำเลยคดีจำนำข้าว
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงสนับสนุนจุดยืน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรครประชาธิปัตย์ ที่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง และกล่าวขอบคุณประชาชนที่สนใจจุดยืนของหัวหน้าพรรค ไม่ว่าจะเป็นการเห็นด้วยหรือเห็นต่าง พรรคเคารพความเห็นที่แตกต่างในร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ความแตกแยก โดยเป็นดุลพินิจของแต่ละคนที่จะตัดสินใจรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นอดีต ส.ส. ของพรรค หรือประชาชนทั่วไป ซึ่งภายในพรรคมีความคิดเห็นที่หลากหลายแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ แต่ที่สำคัญ คือ แม้จะมีความเห็นแตกต่าง แต่สามารถร่วมมือทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองได้ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายยอมรับเดินหน้าทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไปได้ โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะทุกอย่างเป็นไปด้วยเหตุผลและการเคารพซึ่งกันและกัน จึงไม่มีอะไรที่จะทำให้เกิดความแตกแยก
อย่างไรก็ตาม จุดยืนของนายอภิสิทธิ์ผ่านการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ปรึกษาหารือรับฟังความเห็นอย่างหลากหลายภายในพรรค โดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และเห็นว่า ร่างรัฐธรรมนูญมีข้อเสียมากกว่าข้อดี การไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะเปิดโอกาสให้มีรัฐธรรมนูญที่สมบูรณ์มากกว่า แต่ถ้ารับจะได้รัฐธรรมนูญที่มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ซึ่งส่วนรวมจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะจะได้รัฐธรรมนูญที่มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่มีข้อเสียมากกว่าข้อดี
“การจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้สร้างปัญหาวุ่นวายทางการเมือง ผมเชื่อว่า เมื่อมีการรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ โรดแมปก็เดินหน้าปกติ กรณีรับร่างการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นไม่เกินสิ้นปี 2560 แม้จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ไม่น่าจะแตกต่างจากนี้มากมายนัก โดยเฉพาะเมื่อหัวหน้าพรรคแถลงไป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ยอมรับว่า ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านการลงประชามติจะนำข้อดีของรัฐธรรมนูญฉบับต่าง ๆ มาพิจารณาให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แสดงว่า เราจะได้รับข้อดีของรัฐธรรมนูญจากหลายฉบับมาเป็นรัฐธรรมนูญที่มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ผมจึงเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ให้นำข้อดีของรัฐธรรมนูญฉบับต่าง ๆ มารวมกัน” นายองอาจ กล่าว
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลสนับสนุนให้มีการดีเบตในจังหวังต่าง ๆ ช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามตินั้น ควรเปิดกว้างให้แต่ละฝ่ายร่วมในเวทีดีเบตที่จัดขึ้นในจังหวัดต่าง ๆ ด้วย เพราะมีกระแสข่าวว่ามีการกีดกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองเข้าร่วมในเวทีต่าง ๆ เพราะจะไม่เป็นผลดีต่อบรรยากาศการดีเบต ดังนั้น รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้มีการถกแถลงในเวทีที่รัฐบาลจัดขึ้นตามจังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก่อนตัดสินใจลงประชามติ และจะก่อให้เกิดการยอมรับผลการลงประชามติมากกว่า แต่ถ้าปิดกั้นหรือกีดกันคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ให้มีส่วนร่วม ตนก็วิตกว่าจะกระทบต่อการยอมรับการลงประชามติ
ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ให้เหตุผลประกอบการตัดสินใจไม่รับร่างรัฐธรรมนูญนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติ และไม่ได้กลัวรัฐธรรมนูญปราบโกงอย่างที่มีการกล่าวหา ในทางตรงกันข้าม ได้ชี้ถึงจุดอ่อนในเรื่องกลไกปราบทุจริตที่หลายมาตราในสาระสำคัญ ซึ่งตนขอต่อยอดในประเด็นที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้วางระบบการเมืองป้องกันคนโกงเข้าสู่การเมืองอย่างเด็ดขาด เหมือนที่กำหนดไว้เป็นกรอบในการร่างรัฐธรรมนูญตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 เพราะได้มีการตัดสาระสำคัญในรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 102 (14) กำหนดว่า บุคคลที่เคยถูกถอดถอนโดยวุฒิสภาจะถูกตัดสิทธิ์ตลอดชีวิตไม่สามารถเข้าสู่เส้นทางการเมืองได้ และในรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 174 ยังกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยว่า ต้องไม่เคยถูกถอดถอนตามมาตรา 102 (4) แต่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่มีการกำหนดลักษณะต้องห้ามเช่นในรัฐธรรมนูญปี 2550 ทำให้การวางกลไกป้องกันคนไม่ดีเข้าสู่การเมืองถดถอยลง
“พรรคตรวจสอบจำนำข้าวด้วยความยากลำบาก ถ้ารัฐธรรมนูญปราบโกงจริง มีหรือเราจะไม่รับ เพราะผลผลิตจากการปราบโกงมีการถอดถอนบุคคลจำนวนหนึ่งที่ส่อว่าทุจริต 4 คน ซึ่งตามรัฐธรรมนูญปี 2550 คนเหล่านี้จะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต อันเป็นผลผลิตจากการตรวจสอบของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ในร่างรัฐธรรมนูญใหม่มิได้ใส่ไว้ในลักษณะต้องห้าม เท่ากับว่า บุคคลที่เคยถูกถอดถอนจะเข้าสู่การเมืองได้ เมื่อถูกเพิกถอนสิทธิเป็นเวลา 5 ปี ไม่ใช่ถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตเหมือนในรัฐธรรมนูญปี 2550 คนที่เคยถูกถอดถอนก็จะได้ประโยชน์จากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เปรียบเสมือนการนิรโทษกรรมให้จำเลยในคดีจำนำข้าวที่เคยถูกถอดถอนมาแล้ว เราจึงท้วงติงว่ามันไม่สอดคล้องกับการวางกลไกป้องกันคนโกง เพราะปล่อยให้คนโกงจำนำข้าวกลับสู่การเมืองได้ นี่หรือบอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญป้องกันคนโกงเข้าสู่การเมือง” นายราเมศ กล่าว
นายราเมศ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ตนต้องการคือ อยากให้ประชาชนตัดสินใจบนเหตุผล จึงได้ชี้ข้อบกพร่องในการป้องกันคนโกงเข้าสู่การเมือง ดังนั้น ถ้าอยากให้คนคดโกงทุจริตเดินเข้าสู่การเมือง เพราะมีการยกเว้นให้ว่าคนที่โกงบ้านเมืองสามารถกลับเข้าสู่การเมืองได้ก็รับร่างรัฐธรรมนูญนี้ แต่ถ้าไม่ต้องการให้คนเหล่านี้เข้าสู่เส้นทางการเมืองก็ไม่ต้องรับร่างรัฐธรรมนูญ นี่คือ ประเด็นที่ประชาชนต้องตัดสินใจก่อนที่จะไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ โดยประชาชนต้องตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลไม่มีใครชี้นำได้ และตนก็อธิบายตามความจริงจากเนื้อหาสาระที่ปรากฏในร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนการออกเสียงประชามติอยู่ที่ประชาชนจะตัดสิน
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า จะไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะกลัวรัฐธรรมนูญปราบโกงอย่างที่มีการกล่าวหา โดยยกตัวอย่างเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญที่เพิ่มความเข้มข้นในเรื่องคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่บัญญัติไว้ในมาตรา 44 วรรค 2 กรณี ส.ส. แทรกแซงการจัดงบประมาณเพื่อประโยชน์ตัวเองที่จะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่ยังไม่เห็นนักการเมืองคนไหนที่ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญจะคัดค้านมาตรานี้ คนที่ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็เห็นด้วยจะไปบอกว่าเขากลัวรัฐธรรมนูญปราบโกงจะเป็นความจริงได้อย่างไร ทั้งนี้ เห็นว่า หากต้องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันจริงควรจะยกเลิกธนบัตรปัจจุบัน และให้คนแลกเงินเกิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ต้องชี้แจงที่มาที่ไป แม้จะเป็นเรื่องลำบากแต่คุ้มค่าสำหรับประเทศ และแก้ปัญหาทุจริตได้อย่างเห็นผล ซึ่งอาจจะเขียนไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ หรือใช้มาตรา 44 ดำเนินการก็ได้