โฆษก กรธ.ยันไม่ได้ร่างรัฐธรรมนูญตามใจฝ่ายเดียว บอกคนไทยลืมง่ายว่าก่อนหน้านี้บ้านเมืองเกิดอะไรขึ้น ยันบทเฉพาะกาลขอเวลา 5 ปี ป้องกันไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย วอนฝ่ายการเมืองบีบให้ทหารรับผิดชอบฝ่ายเดียวไม่ถูกต้อง โต้ “มาร์ค” ไม่เคยคิดถึงกลุ่มใด-พรรคไหน ด้าน “สมชัย” บอกตอนนี้มีแพะสองตัว อ้างปี 2550 แจกรัฐธรรมนูญทุกบ้าน โดนถาม “แจกทำไม” ยืนยันใครชนะใครแพ้ก็ยังมีงานทำ
วันนี้ (28 ก.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม อาคารซอฟต์แวร์ปาร์ก แจ้งวัฒนะ สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) จัดเวทีสร้างความรู้ความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญฯ ก่อนการออกเสียงประชามติ โดยนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ร่างตามใจผู้ร่างฝ่ายเดียว แต่มีการไปรับฟัง รวมทั้งร่างตามข้อกำหนดต่างๆ ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว อย่างไรก็ตาม คนไทยลืมง่ายว่าก่อนการร่างรัฐธรรมนูญนั้นฝ่ายการเมืองมีการรบราฆ่าฟันกันเป็นกีฬาสี ต่างคนมีความรู้สึกเคียดแค้น มองอีกฝ่ายเป็นศัตรู การจะแก้ปัญหาปรองดองได้ต้องใช้เวลา จะทำให้สังคมเข้าสู่ระบบปกติต้องมานั่งคิดกันว่าจะทำอย่างไร ต้องมาช่วยกันคิด กรธ.จึงระบุในร่างรัฐธรรมนูญขอเวลา 5 ปีในช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ แต่เป็นการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เก่าๆ กลับคืนมา
นายอุดมกล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นต้องคิดว่าเราให้เวลาฝ่ายการเมืองตั้งแต่ปี 2540 คนที่จะเล่นการเมืองก็ต้องคิด ไม่ใช่บอกว่าจะรักษาประชาธิปไตยไว้ให้ได้ ถ้ามีปฏิวัติแล้วพาประชาชนมาต่อต้าน คิดแบบนี้ไม่ได้ ฝ่ายพราะถ้าทำงานได้ดี การปฏิวัติก็เกิดยาก การจะให้ทหารต้องรับผิดชอบฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก
“มีคนพูดว่าถ้าไม่ชอบทหารก็ไม่ต้องไปลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญนี้ ถ้าพูดอย่างนี้พวกผมก็คือผลไม้พิษมันก็จบแล้ว ไม่ต้องไปเถียง ส่วนที่ กรธ.ไม่อยากดีเบต เพราะการดีเบตเพื่อให้คนตัดสินใจ แต่เราเชื่อว่าการดีเบตจะใช้ลูกล่อลูกชน เพื่อโน้มน้าวคนฟังให้เห็นด้วยกับตนเองนำเสนอ จึงเป็นการใช้วาทกรรมที่ใครจะปลุกเร้าได้มากกว่ากัน แล้วฝ่ายนั้นก็ชนะ จึงเห็นว่าการดีเบตจะสร้างความสับสนให้ประชาชนมากขึ้น” นายอุดมกล่าว
นายอุดมยังกล่าวกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเพราะร่างรัฐธรรมนูญย่อหย่อนให้กับคนที่กระทำความผิด โดยยืนยันว่า กรธ.ร่างรัฐธรรมนูญไม่เคยคิดถึงตัวคนกลุ่มใดพรรคไหน เพราะถ้าร่างอย่างนั้นจะไม่ได้เป็นที่ยอมรับ
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า ประชามติครั้งนี้ไม่ใช่เครื่องมือตามหลักวิชาการที่ให้คนในสังคมส่วนใหญ่ตัดสิน แต่เป็นพิธีกรรมที่มีต้นทุนสูงเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง วันนี้พิธีกรรมดังกล่าวถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ดุเดือด รุนแรงและตื่นเต้น ประชามติรับหรือไม่รับกลายเป็นคนสองซีกในสังคม ซีกหนึ่งประกอบด้วยพรรคการเมืองใหญ่สองพรรค รวม นปช. นักวิชาการและเอ็นจีโอกลุ่มหนึ่ง ไม่มีพรรคขนาดกลางที่ได้ประโยชน์จากร่างรัฐธรรมนูญนี้
อีกซีกฟากหนึ่ง กปปส. และกลุ่มนิยมนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่คนกลางๆ ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดยังไม่แสดงจุดยืนออกมา ถ้าผลไปในทางใดทางหนึ่งมีความหมายทางการเมือง ถ้าผลออกมารับนั่นคือการพิสูจน์ความชอบธรรมของรัฐบาลทหาร แม้พรรคใหญ่จะรวมตัวกันหนักแน่นขนาดไหนก็ยังไม่ชนะ ย่อมมีผลกระทบทางการเมือง แต่ถ้าผลออกมาไม่รับคือรัฐบาลทหารหมดความชอบธรรม ดังนั้น ประชามติจะจบลงด้วยการเดินเรื่องทางการเมืองที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะได้เปรียบต่อไป
นายสมชัยกล่าวอีกว่า การลงประชามติของประชาชนตั้งอยู่บนพื้นฐานอะไร มีหรือในประเทศไทยที่การลงประชามติจะสามารถดำเนินการบนพื้นฐานความรู้ความเข้าใจของประชาชนอย่างแท้จริง วันนี้มีแพะสองตัว คือ กกต.แจกรัฐธรรมนูญไม่ครบ และ กรธ.พูดไม่รู้เรื่อง หนีการดีเบต แต่ถามว่าถ้าแจกครบทุกบ้านประชาชนรู้เรื่องมากขึ้นหรือไม่ ลองเอาประชามติ ปี 2550 เป็นต้นแบบก็ได้ที่แจกครบทุกบ้าน วาทะกรรมตอนนั้นถามว่าแจกทำไม การแจกรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นเงื่อนไขจนเพียงพอ
หากจัดดีเบตแล้ว กรธ.ไปร่วมจะทำให้เข้าใจมากขึ้นหรือไม่ ยากมากที่จะทำให้คนในสังคมเกิดความรู้ความเข้าใจ เวลาเท่าไหร่จึงจะพอ ให้รอ 1-2 ปีเพื่อไปทำความเข้าใจคงทำไม่ได้ ตอนนี้กลายเป็นว่านอกเหนือไม่ทำความรู้ความเข้าใจแล้วยังทำให้ประชาชนเชื่อไปทางใดทางหนึ่ง เช่น การพูดรณรงค์กาซ้ายขวา คนพูดอยู่คณะเดียวกับนายอุดม การพูดเช่นนี้คือการทำร้ายประเทศชาติ ทำให้ประชาชนอยู่บนพื้นฐานความไม่รู้ ส่วนคำตอบข้อสามผลการลงประชามติจบลงด้วยอะไร เชื่อว่าทิศทางการจบจะไม่ใช่หลักนิติศาสตร์ ผลออกมาแล้วจะไม่จบ ตนกังวลว่าจะเกิดขึ้นแบบนั้นแล้วบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร
“ความเกร็งจนเกินไป กลัวทุกอย่างผิดหมดจนไม่กล้าทำ ไม่สามารถที่จะคิดตัดสินใจได้ด้วยตนเอง ต้องถามคนอื่นผิดไม่ผิด ลิงไปฉีกบัญชีรายชื่อ ยังจะมาถาม กกต.อีกว่าผิดหรือไม่ นี่คือบ้านเมืองเรา จะมาถาม กกต.กลางจะดำเนินคดีหรือไม่ ไร้สาระอย่าไปสนใจ ผมบอกอยากจัดอภิปรายจัดไป อยากใส่เสื้อใส่ไป ขอแค่รู้จักชั่งน้ำหนักข้อมูลทั้งสองฝ่าย” นายสมชัยกล่าว
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ถ้าผลประชามติชนะเกินล้าน เก็บของไปปิกนิกได้ พักร้อนได้ และไม่ถึงล้านก็ต้องรอฟังผลเป็นทางการในอีก 3 วัน แต่ยืนยันว่า กกต.ทำงานด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ใครชนะใครแพ้ กกต.ยังมีงานทำ