“สมชัย” แจง กกต.ไม่เกี่ยว สนง.เขต ขอเงินเอกชนทำป้ายรณรงค์ประชามติ ระบุเรื่องภายในของ กทม. ยันรณรงค์ต่อเนื่องไม่อืดอย่างที่ถูกกล่าวหา ลุยโค้งสุดท้ายเผยแพร่ร่าง รธน.ฉบับเต็มผ่าน นสพ.3 ฉบับ จับมือไทยพีบีเอสจัดรายการเพิ่ม 10 ครั้ง เปิดช่องทีวีช่องอื่นทำได้ แต่ขอดูชื่อวิทยากร หวั่นไม่เท่าเทียม ร่อนจุลสารสรุปสาระถึง17 ล้านครัวเรือน 18 ก.ค.นี้
วันนี้ (19 ก.ค.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าสำนักงานเขต กทม.บางแห่งไถเงินพ่อค้าเพื่อทำป้ายรณรงค์ออกเสียงประชามติว่า ในการทำประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงจำเป็นต้องหาการสนับสนุนจากแหล่งต่างๆ เพิ่มเติม ตามระเบียบ กกต.นั้นได้เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถให้การสนับสนุนได้ภายใต้กรอบกติกาว่าจะต้องไม่เป็นไปในเชิงพาณิชย์มากเกินไป เช่น ข้อความในป้ายที่ระบุว่าสนับสนุนโดยใครต้องอยู่ด้านล่างและเป็นตัวเล็ก รวมทั้งไม่รับการสนับสนุนจากฝ่ายการเมืองใดๆ โดยเป็นแนวทางที่ กกต.ของแต่ละจังหวัดจะไปพิจารณาตามความเหมาะสม ไม่ทำสิ่งที่รบกวนภาคเอกชนมากเกินไป แต่ในส่วนของสำนักงานเขต กทม.ไม่ใช่เรื่องของ กกต. โดยต้องแยกส่วนกันเพราะเรื่องของ กกต.คือ สำนักงาน กกต.กทม.ไม่ใช่สำนักงานเขต กทม. โดยเท่าที่สังเกตป้ายก็แตกต่างกันคือถ้าเป็นของ กทม.จะเป็นช้าง แต่ของ กกต.จะเป็นหนุมาน ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องสอบถามกับ กทม.ไม่ใช่ กกต.
นายสมชัยกล่าวด้วยว่า กกต.ไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณหรือป้ายรณรงค์กับทาง กทม. แต่จัดสรรให้แก่สำนักงาน กกต.กทม.ในวงเงินประมาณ 1 ล้านบาท ถือเป็นงบประมาณที่ค่อนข้างน้อย โดย กกต.มีการขอความร่วมมือไปยังทุกส่วนราชการเกี่ยวกับการรณรงค์ออกเสียงประชามติเพราะถือเป็นวาระแห่งชาติ และขอบคุณ กทม.ที่มีเจตนาดีในการช่วยรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนตื่นตัวและรับรู้ถึงการออกเสียงประชามติครั้งนี้ ส่วนการไปขอสนับสนุนจากเอกชนนั้นก็ต้องพิจารณาตามกระบวนการภายในของหน่วยงานนั้นๆ เพราะระเบียบของ กกต.ใช้กับ กกต.เท่านั้น
ส่วนกรณีที่นายนิพิฐฏ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า กกต.มีความล่าช้าในการจัดกิจกรรมให้ถกเถียงเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญว่า การจัดกิจกรรมของ กกต.มีมาตลอด แต่การจัดกิจกรรมเสริมในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. เพื่อให้ประชาชนรับรู้กว้างขวางมากขึ้นเป็นเรื่องปกติ การที่สื่อมวลชนพาดหัวข่าวว่า กกต.เพิ่งตื่นจัดกิจกรรมนั้นจึงเป็นการสื่อสารที่มีสีสันแต่ไม่สร้างสรรค์ เพราะ กกต.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในหลายรูปแบบทั้งจัดรายการทีวี 13 ครั้งใน 6 ช่องหลักกับทีวีดิจิตอล 20 ช่อง การรณรงค์ผ่านแอปพลิเคชัน หรือการแจกจ่ายเอกสาร ซึ่งในส่วนของการแจกจุลสารร่างรัฐธรรมนูญฉบับย่อให้แก่ประชาชน 17 ล้านครัวเรือนภายในวันที่ 18-22 ก.ค. หากใครไม่ได้รับสามารถแจ้งมาที่ กกต.ได้จะได้แจ้งไปยังไปรษณีย์ที่เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ เอกสารที่จะส่งไปยังประชาชนจะประกอบด้วย หนังสือแจ้งเจ้าบ้านเกี่ยวกับผู้มีสิทธิออกเสียง ใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้งใด พร้อมกับแนบจุลสารที่เป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับกระบวนการออกเสียงประชามติ สรุปเนื้อหาสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญ 6หน้า และรายละเอียดเกี่ยวกับคำถามพ่วงอีก2 หน้า โดยขนาดของหนังสือจะเป็นขนาด A5 รวม 8 หน้า และจะมีการเผยแพร่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับเต็มผ่านทางหนังสือพิมพ์จำนวน 5 ฉบับ เพิ่ม 2 ฉบับ จากเดิมที่กำหนดไว้ 3 ฉบับ โดยจะตีพิมพ์เป็นใบแทรกผ่านหนังสือพิมพ์ที่มียอดตีพิมพ์สูง นอกจากนี้ ได้ประสานงานส่วนตัวไปยังไทยพีบีเอสเพื่อให้จัดรายการ 10 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. - 5 ส.ค. 2559 เวลา13.00-14.00 น.ซึ่งจะมีการเชิญวิทยากรทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาร่วมรายการฝ่ายละ 2 คน ทั้งนี้ กกต.จะไม่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหาแต่ขอร่วมพิจารณาตัวบุคคลที่จะเป็นวิทยากรในรายการ
“ในส่วนของประเด็นผมได้ทำตุ๊กตาไปให้ 10 ครั้ง เช่น 30 บาทรักษาทุกโรคยังอยู่หรือไม่ คนยังสามารถใช้สิทธิรักษาพยาบาลในราคาถูกหรือไม่ เรื่องการศึกษาฟรี 12 ปี เบี้ยผู้สูงอายุ ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านจะหายไปหรือไม่ หรืออาจจะเป็นเรื่องการทำสนธิสัญญากับต่างประเทศว่าถ้าจะไปยกดินแดนให้กับใครรัฐบาลทำได้เลยหรือไม่ ผ่านสภาแล้วถ้าไม่พิจารณาภายใน 50 วันจะมีผลบังคับใช้เลยหรือเปล่า เรื่องที่จะนำเสนอจะเป็นรูปธรรมจับต้องได้เป็นปัญหาปากท้องที่ประชาชนยังเข้าใจไม่ชัดเจน จึงต้องเอาคนร่างและคนที่มีความห่วงใยมาพูดแต่ไม่ใช่เอาคนที่ค้านหัวชนฝามาต้องเป็นคนที่ค้านอย่างมีเหตุผลด้วยความห่วงใยว่าเรื่องไหนจะกระทบสิทธิประชาชน ผมไม่เซ็นเซอร์แต่ขอดูตัววิทยากรเพื่อมีความเห็น และพร้อมช่วยประสานเป็นการส่วนตัวกับวิทยากรให้ด้วย โดยขอให้จัดรายการที่ให้โอกาสอย่างเท่าเทียมไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง และถ้าสื่อมวลชนรายใดสนใจที่จะจัดรายการขอให้แจ้งมาที่ผมได้เช่นเดียวกัน”