นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึง กรณีนายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่าสำนักงานเขตกทม.บางแห่งไถเงินพ่อค้าเพื่อทำป้ายรณรงค์ออกเสียงประชามติ ว่า ในการทำประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง จำเป็นต้องหาการสนับสนุนจากแหล่งต่างๆ เพิ่มเติม ซึ่งตามระเบียบกกต. เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนสามารถให้การสนับสนุนได้ ภายใต้กรอบกติกาว่าจะต้องไม่เป็นไปในเชิงพาณิชย์มากเกินไป เช่น ข้อความในป้ายที่ระบุว่าสนับสนุนโดยใคร ต้องอยู่ด้านล่างและเป็นตัวเล็ก รวมทั้งไม่รับการสนับสนุนจากฝ่ายการเมืองใดๆ โดยเป็นแนวทางที่ กกต.ของแต่ละจังหวัดจะไปพิจารณาตามความเหมาะสม ไม่ทำสิ่งที่รบกวนภาคเอกชนมากเกินไป แต่ในส่วนของสำนักงานเขต กทม.ไม่ใช่เรื่องของ กกต. โดยต้องแยกส่วนกัน เพราะเรื่องของกกต.คือ สำนักงานกกต.กทม.ไม่ใช่สำนักงานเขตกทม. โดยเท่าที่สังเกตป้ายก็แตกต่างกัน คือถ้าเป็นของกทม.จะเป็นช้าง แต่ของกกต.จะเป็นหนุมาน ดังนั้น เรื่องนี้จึงต้องสอบถามกับกทม.ไม่ใช่ กกต.
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า กกต.ไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณหรือป้ายรณรงค์กับทางกทม.แต่จัดสรรให้กับสำนักงาน กกต.กทม. ในวงเงินประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่ค่อนข้างน้อย โดยกกต. มีการขอความร่วมมือไปยังทุกส่วนราชการเกี่ยวกับการรณรงค์ออกเสียงประชามติ เพราะถือเป็นวาระแห่งชาติ และขอบคุณกทม. ที่มีเจตนาดีในการช่วยรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนตื่นตัว และรับรู้ถึงการออกเสียงประชามติครั้งนี้ ส่วนการไปขอสนับสนุนจากเอกชนนั้น ก็ต้องพิจารณาตามกระบวนการภายในของหน่วยงานนั้นๆ เพราะระเบียบของกกต. ใช้กับกกต.เท่านั้น
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า กกต.ไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณหรือป้ายรณรงค์กับทางกทม.แต่จัดสรรให้กับสำนักงาน กกต.กทม. ในวงเงินประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นงบประมาณที่ค่อนข้างน้อย โดยกกต. มีการขอความร่วมมือไปยังทุกส่วนราชการเกี่ยวกับการรณรงค์ออกเสียงประชามติ เพราะถือเป็นวาระแห่งชาติ และขอบคุณกทม. ที่มีเจตนาดีในการช่วยรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนตื่นตัว และรับรู้ถึงการออกเสียงประชามติครั้งนี้ ส่วนการไปขอสนับสนุนจากเอกชนนั้น ก็ต้องพิจารณาตามกระบวนการภายในของหน่วยงานนั้นๆ เพราะระเบียบของกกต. ใช้กับกกต.เท่านั้น