ประชุม คกก.ขับเคลื่อนฯ สั่ง ศธ.ดัน รปภ.จบ ม.3 ทำฐานข้อมูลบริษัทใหม่ รายงานคืบหน้าแก้รุกล้ำลำน้ำสาธารณะคลองลาดพร้าว จ่อตั้ง 20 สหกรณ์เคหสถานเพิ่ม หวังปรับภูมิทัศน์ริมเจ้าพระยา ใช้ประโยชน์เท่าเทียม เผยตั๋วร่วมเริ่มทดลองใช้ในระบบรถไฟใต้ดิน-สายสีม่วง ปี 60 เรียบร้อย จัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันชาติ รับแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี พัฒนาระบบบริการ ปชช. มุ่งแก้ปัญหาการบิน เตรียมสอบไอเคโอ ธ.ค.นี้ อียูเตรียมบินไทยถกแก้ประมง
วันนี้ (1 ก.ค.) ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการ การขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5
จากนั้นเวลา 12.00 น. พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ว่า สำหรับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ธุรกิจรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ได้ประกาศใช้แล้ว ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจในการยกระดับการรักษาความปลอดภัยและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานและผู้ได้รับการบริการด้วย รวมถึงยกระดับการศึกษาของพนักงาน ทำให้ธุรกิจการรักษาความปลอดภัยมีต้นทุนสูงขึ้น เมื่อกฎหมายบังคับใช้แล้วกระทรวงแรงงาน (รง.) ก็ได้ประชุมผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่เพื่อหารือและกำหนดความชัดเจน ซึ่งพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ในระบบขณะนี้มีจำนวนเกือบ 4 แสนคน ซึ่งใน พ.ร.บ.ฉบับนี้กำหนดให้พนักงานรปภ.ต้องจบการศึกษาภาคบังคับคือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 แต่มีเพียง 1.3 แสนคน หรือประมาณ 32 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 2.7 แสนคนยังไม่จบการศึกษาภาคบังคับ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไปจัดระบบการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) รองรับพนักงาน รปภ.ที่ยังมีการศึกษาไม่ครบเกณฑ์ตามที่รัฐกำหนดประมาณ 2.7 แสนคน คาดว่าประมาณ 3 ปีก็จะผลักดันได้ครบทุกคน
พล.ต.คงชีพกล่าวว่า เพื่อไม่ให้กระทบต่อธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจึงมีบทเฉพาะกาลยกเว้นการบังคับใช้กับพนักงาน รปภ.ที่ทำงานก่อนวันที่ 5 มีนาคม 2559 ส่วนพนักงาน รปภ.ที่ทำงานหลัง 5 มีนาคม 2559 จะต้องจดทะเบียนพนักงานตามหลักเกณฑ์จบการศึกษาภาคบังคับ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรยังมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำฐานข้อมูลของพนักงาน รปภ.และบริษัทที่จะเข้ามาจดทะเบียนใหม่ด้วย มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเข้าไปมาตรฐานขั้นต่ำตามกลไกประชารัฐ
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำลำน้ำสาธารณะในพื้นที่ชุมชนคลองลาดพร้าวที่มีทั้งหมด 43 ชุมชน 7,314 ครัวเรือนยาว 319 กิโลเมตร ซึ่งรัฐได้เข้าไปทำความเข้าใจผู้ที่บุกรุกพื้นที่สาธารณะและเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาการระบายน้ำ ทำให้รัฐจำเป็นต้องเข้าไปพัฒนาคุณภาพชีวิตตามกลไกประชารัฐ ขณะนี้ได้มีการรื้อถอนและปักเสาเอกในการก่อสร้าง และมอบสัญญาเช่าที่เคยอยู่ในชุมชนเดิมที่จะเข้าไปเช่าที่ของกรมธนารักษ์อย่างถูกต้อง มีการจัดตั้งสหกรณ์เคหสถานอีก 20 สหกรณ์ ซึ่งเดิมทีมีอยู่แล้วแต่มีจำนวนไม่มาก
พล.ต.คงชีพยังกล่าวถึงการปรับปรุงภูมิทัศน์ริมน้ำเจ้าพระยา ซึ่งจะใช้เป็นแลนด์มาร์กที่ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์อย่างเท่าเทียม ขณะนี้ได้มีการออกแบบภูมิสถาปัตย์ให้เข้ากับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชุมชนควบคู่กันไป และคำนึงถึงผู้ได้รับผลกระทบไปพร้อมๆ กัน เชื่อมั่นว่าประชาชนจะมีพื้นที่สาธารณะในการใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ทั้งทางเดินเท้า ทางจักรยาน จุดชมวิว และท่าเรือสาธารณะ และจะมีการเชื่อมโยงแนวคูคลองประวัติศาสตร์ควบคู่ไปการลำน้ำเจ้าพระยา ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก
พล.ต.คงชีพกล่าวถึงความคืบหน้าของระบบระบบการบริหารจัดการรายได้กลาง (ตั๋วร่วม) ที่จะนำมาอำนวยความสะดวกในการเดินทาง สามารถใช้ได้กับการคมนาคมทั้งระบบภายใต้ชื่อว่าบัตรแมงมุม ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดสอบในการใช้งาน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ และจะทดลองใช้ในระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟฟ้าสายสีม่วงก่อน และจะทยอยเปิดให้ใช้บริการตามความพร้อมของรถไฟแต่ละสายคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน และปี 2560 จะเรียบร้อย รัฐบาลจะกำหนดให้มีบริษัทเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งรัฐจะถือหุ้นไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ จุดประสงค์ของตั๋วร่วมคือเป็นการลดค่าครองชีพจ่ายประชาชน โดยอาจจะมีส่วนลดค่าโดยสาร 20-50 เปอร์เซ็นต์
พล.ต.คงชีพกล่าวว่า ได้รายงานที่ประชุมถึงความคืบหน้าในเรื่องการจัดทำฐานข้อมูลความมั่นคง การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงพัฒนาประเทศของกระทรวงกลาโหม และการพัฒนาระบบบริการประชาชนให้ได้รับการแจ้งความและการสอบสวน การจัดทำฐานข้อมูล สภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ ได้รวบรวมประเด็นข้อมูลจากกระทรวงที่เกี่ยวกับความมั่นคงเพื่อจะบูรณาการร่วมกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2560 ในส่วนการจัดทำยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม ยุทธศาสตร์ปี 2560-2579 เป็นการจัดทำยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของรัฐบาล ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากสภากลาโหม เป้าหมายคือการมีโครงสร้างของกองทัพที่มีความกะทัดรัด มีจำนวนที่มีความเหมาะสม มียุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจที่หลากหลาย โดยจัดทำแผนเป็น 4 ระยะ
พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า ส่วนในด้านการพัฒนาระบบบริการประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ ได้จัดทำยุทธศาสตร์ปฏิรูปกิจการตำรวจระยะ 20 ปี โดยเป้าหมายว่าจะเป็นองค์กรที่บังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรม และประชาชนมีความเชื่อมั่นศรัทธา กำหนดการปฎิรูป 10 ประเด็นให้สอดรับกับ สปท.โดยคณะกรรมการการปฏิรูปตำรวจ นอกจากนี้จะเร่งดำเนินการจัดทีมสอบสอบใน 500 สถานีทั่วประเทศให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี 6 เดือน รวมถึงการปฏิรูปข่าวกรอง ถือว่ามีความเร่งด่วนจะทำการบูรณาการข้อมูลข่าวสารระหว่างหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อให้เชื่อมโยงกัน
พล.ต.คงชีพกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ว่าประเทศไทยมีปัญหาการออกใบอนุญาตที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำ ที่ทางกรมการบินพลเรือนระหว่างประเทศกำหนด และมีบอนุญาติในสายการบินให้ไม่ถูกต้อง หรือการขนส่งสินค้าที่เป็นอันตราย เดิมการตรวจสอบผลประเมินค่าประสิทธิภาพของไทยอยู่ที่ 33.57 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกที่อยู่ 63.4 เปอร์เซ็นต์ ความคืบหน้าการแก้ปัญหาขณะนี้ ในวันที่ 27 เมษายน 2559 องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) มีความเห็นว่าการแก้ปัญหาข้อบกพร่องของไทย มีการแก้ปัญหาตรงประเด็นคิดเป็น 76.22 เปอร์เซ็นต์ การแก้ปัญหาตรงประเด็นบางส่วน 5.24 เปอร์เซ็นต์ และการแก้ปัญหายังไม่ตรงประเด็น 1.75 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการปรับปรุง รวมถึงมีองค์การพลเรือนสากลเข้ามาช่วยจัดทำแผนดำเนินการออกใบรับรองในการเดินอากาศกับสายการบินต่างๆ ซึ่งจะเน้นสายการบินระหว่างประเทศอันดับแรก จึงต้องมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ รวมถึงการตรวจสอบการปฏิบัติการที่ได้มีการจัดหาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเพิ่มเติม โดยจะดำเนินการ 2 ลักษณะ คือ การจัดจ้าง และการฝึกอบรมบุคลากรภายในที่มีอยู่ ทั้งจากกองทัพอากาศ และการบินพลเรือนที่มีอยู่ และเมื่อสามารถว่าจ้างและพัฒนาการแล้วจะเริ่มตรวจสอบสายการบินในวันที่ 30 ส.ค. คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 59 ซึ่งการตรวจสอบแต่ละสายการบินจะใช้เวลา 3-5 เดือน จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นจะเป็นขั้นตอนของการออกใบอนุญาตอย่างถูกต้องเป็นมาตรฐานสากล
พล.ต.คงชีพกล่าวว่า จะมีการปรับปรุง พ.ร.บ.การเดินอากาศ พ.ศ. 2497 เดิมทีไม่มีความทันสมัย และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของไอเคโอตามที่กำหนดไว้ จึงจะปรับปรุงให้สอดคล้องกับไอเคโอและการบินพลเรือนตามมาตรฐานสากล ขณะเดียวกันจะมีการจัดทำกฎหมายรอง เพื่อรองรับ พ.ร.บ.ฉบับใหม่นี้ด้วย และเมื่อประกาศใช้จะสามารถมีผลบังคับใช้ได้ในทันที นอกจากนี้จะทำกฎหมายการบินพลเรือนของไทยให้มีความทันสมัย ซึ่งจะยกร่างโดยการบินพลเรือซึ่งจะนำเรื่องเสนอสำนักงานกฤษฎีกา และนำเข้า ครม. พิจารณาต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2559
พล.ต.คงชีพกล่าวถึงเรื่องการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย โดยไร้การควบคุม ซึ่งผู้แทนอียู 3 คณะ มีกำหนดการเดินทางมาประเทศไทย ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน - 5 กรกฎาคม โดยคณะที่ 1 เป็นเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคด้านการตรวจสอบการการย้อนกลับ จะมาดูเรื่องของการแจ้งศูนย์การเข้าออกของเรือ การตรวจสัตว์น้ำที่ท่าเรือ และการนำเข้าของสัตว์น้ำ คณะที่ 2 เป็นการหารือระดับเจ้าหน้าที่ทางเทคนิค จะหารือในเรื่องกฎหมายประมง แผนบริหารจัดการประมง การติดตามควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง การบังคับใช้กฎหมายในการลงโทษผู้กระทำความผิด ส่วนคณะที่ 3 คณะหารือด้านเทคนิคระดับสูง จะแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ของอียู และนักวิชาการประมง รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทย ทั้งนี้ผลการจัดลำดับการค้ามนุษย์ที่ดีขึ้นของไทยจะเป็นกำลังใจและเป็นตัวอย่างให้แก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย