“ประวิตร” แจงใช้ ม.44 ตั้งเลขาฯ ปปง.เหตุค้างคามานาน รับโผ ตร.เรียบร้อยหมดแล้ว เผยแก้ไอยูยูคืบไปมาก สั่งเร่งส่วนที่ล่าช้า รับพึงพอใจการชี้แจงความคืบหน้า โฆษก กห.เผย “ทูตวีรชัย” เป็น หน.คณะแจงอียู ย้ำแก้ปัญหาที่รากฐาน พร้อมเร่งปฏิรูป 4 ประเด็นความมั่นคง เน้นความปอลดภัยชีวิตทรัพย์สิน เผยจัดหาที่อยู่ใหม่รองรับชุมชนที่รับผลกระทบจัดภูมิทัศน์ริมเจ้าพระยา
วันนี้ (18 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและการปฏิรูปการบริการราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจมาตรา 44 แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่า เหตุผลที่ใช้มาตรา 44 เพราะถือเป็นเรื่องที่เร่งด่วนค้างคามานาน โดยคนที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นความต้องการของ รมว.ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หลังการแต่งตั้งนั้นต้องผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) อีกครั้ง ส่วนโผการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับรองผู้บังคับการและสารวัตร ขณะนี้ทุกอย่างมีความเรียบร้อยทั้งหมด และหลังจากนี้ก็จะเข้าปฏิบัติงานตามหน้าที่ต่อไป
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงการแก้ปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) ว่า ขณะนี้การมีความคืบหน้าไปมาก และได้กำชับให้เร่งดำเนินการในส่วนที่ล่าช้า ส่วนที่ยังมีปัญหาการทำประมงชายฝั่ง ได้สั่งการให้กรมประมงจัดหาอาชีพให้ชาวประมงชายฝั่ง สิ่งทึ่รัฐบาลได้ทำมาถือเป็นฐานรากที่ดีที่สุด ที่นำทุกเรื่องมาเข้าสู่ระบบ และเรื่องนี้เรื่องที่นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยมาก ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่พยายามแก้ปัญหาทุกอย่างตามกฎหมาย แต่ยังทำได้ไม่หมด ต้องใช้เวลา เพราะปัญหาสะสมมานาน นอกจากนี้ ในการชี้แจงความคืบหน้าการแก้ปัญหาประมงของคณะทำงานที่เดินทางไปชี้แจงที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมนั้น ถือว่ามีความพึงพอใจ
ขณะที่ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาให้นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ เป็นหัวหน้าคณะทำงานไทย เข้าชี้แจงต่อสหภาพยุโรป (อียู) เพื่อให้ข้อมูลการดำเนินการการแก้ปัญหาของไทยในการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายต่อสหภาพยุโรป (อียู) ระหว่าง 17-19 พ.ค.นี้ ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าเรามุ่งมั่นตั้งใจแก้ปัญหาดังกล่าว โดยเน้นการแก้ปัญหาที่ฐานราก เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน
พล.ต.คงชีพยังได้แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ.ประวิต วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธานว่า อนุกรรมการปฏิรูประบบงานความมั่นคงได้รายงานความคืบหน้า ตามที่รัฐบาลกำหนดเป้าหมายความมั่นคงรูปแบบใหม่ โดยเน้นให้คนไทยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และพร้อมก้าวเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ที่จะพัฒนาฐานรากของสังคมไทย บนพื้นฐานความปรองดอง โดยจะเร่งดำเนินการปฏิรูปใน 4 ประเด็น ได้แก่ 1. การจัดทำฐานข้อมูลด้านความมั่นคง 2. การปฏิรูประบบงานป้องกันประเทศและปฏิบัติภารกิจอื่นที่ไม่ใช่สงคราม 3. การพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย บุคคล เอกสาร และสถานที่สำคัญ โดยเน้นย้ำงานข่าวกรองเพื่อป้องกันภัยก่อการร้าย และ 4. การปฏิรูปดูแลความสงบเรียบร้อย และกิจการตำรวจในการดูแลประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิรูปตำรวจที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ดำเนินการอยู่
พล.ต.คงชีพกล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมได้มีการรายงานถึงโครงการปรับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะเป็นการสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ในกรุงเทพฯ โดยระยะเริ่มต้นจะดำเนินการบริเวณระหว่างสะพานพระราม 7 ถึงสะพานพระปิ่นเกล้า ทั้งสองฝั่งรวมระยะทาง 14 กม. ทั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อ 12 ชุมชน 309 ครัวเรือนริมฝั่งแม่น้ำ รัฐบาลจึงจัดหาที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งบ้านเอื้ออาทร รวมถึงแฟลตในพื้นที่ทหาร ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของประชาชนเป็นผู้เลือก