“ประยุทธ์” เปิดงานวันสิ่งแวดล้อมโลก ขอหยุดล่าสัตว์ป่าช่วยกันรักษาถวายแด่ “ในหลวง-ราชินี” แก้ปัญหาชาติต้องเริ่มที่ต้นทาง ย้อนขาดจิตสำนึกต้องใช้ ม.44 บีบ กร้าวไม่มีใครสั่งยึดอำนาจ-ปล่อยอำนาจ อัดผู้นำไทย 10 ปีก่อนทำขัดแย้ง ไม่เข้ากระบวนการยุติธรรมไม่ต้องคุยกัน ขู่เอาผิดผู้ประกอบการหากเกิดอุบัติเหตุนักท่องเที่ยว รับกดดันจากภายนอก ไม่ปรองดองกับคนผิด กม. ขู่เด็กไม่เลิกตีกันอย่าหาว่าใจร้าย
วันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พารากอนฮอล์ สยามพารากอน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ประจำปี 2559 “Go Wild For Life : หยุดซื้อ หยุดขาย หยุดฆ่า แก้ปัญหาสัตว์ป่าสูญพันธุ์” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า การทำงานทุกอย่างจะต้องทำด้วยจิตใจ มีความอดทน ไม่ใช่ทำแค่พิธีกรรมและพิธีการ ถ่ายรูปแล้วจบ ตอบคำถามไม่ได้เลย จากนี้ไปรัฐบาลนี้จะไม่ให้เป็นเช่นนี้อีก ในเรื่องของการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะสัตว์ แววตาที่เห็นเมื่อมนุษย์จับมาน่าสงสาร ดังนั้นไม่ว่าจะทำอะไรขอให้คำนึงถึงชีวิตจิตใจ ให้เปรียบมนุษย์เหมือนสัตว์ตัวหนึ่งจะได้รู้ว่าสัตว์กำลังคิดอะไรอยู่ โลกเรามีทั้งคน สัตว์ พืช ที่ต้องอยู่ด้วยกัน ทำไมเราจะต้องไปเบียดเบียนซึ่งกันและกัน เบียดเบียนเฉพาะคนกับคนก็แย่พออยู่แล้ว ที่ผ่านมาในการลักลอบทำร้ายสัตว์ ได้มีการจับกุมและดำเนินคดีมาโดยตลอด ถึงวันนี้เราต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ และต้องรู้ว่าอะไรคือต้นเหตุ อะไรคือปลายเหตุ
“การแก้ปัญหาประเทศที่ผ่านมาเป็นการแก้ที่ปลายทางทั้งสิ้น ทั้งเรื่องการใช้กฎหมาย กฎหมายที่มีอยู่แล้วไม่พอ ไม่ปฏิบัติ จนต้องใช้มาตรา 44 จนกลายเป็นเรื่องเสพติดการใช้กฎหมาย แสดงว่าเรากำลังขาดจิตสำนึกที่ดีใช่หรือไม่ จึงต้องมาทบทวนตัวเองว่าถ้าเราจะปฏิรูปประเทศ ผมคนเดียวไม่สามารถปฏิรูปได้ ต้องอาศัยความร่วมมือกับทุกคน โดยต้องปฏิบัติจิตใจของเราเองก่อน ต้องระเบิดจากในตัวของตัวเองทุกคนก่อน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากที่เคยทำมา แยกแยะสิ่งผิด-ถูก ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องไปทำอย่างอื่น จากนั้นถึงไปแก้ระบบราชการ ปฏิรูปกฎหมายให้ทันสมัย สร้างเครือข่ายความเป็นธรรมในกลุ่มประชาชน ถ้าเราแก้ไม่ได้มันก็จะกลับไปสู่วงจรเดิม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การที่โลกมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ลืมความสมดุลในด้านสิ่งแวดล้อม ลืมความเท่าเทียมจนทำให้เกิดปัญหาซึ่งนับวันจะมีปัญหามากขึ้น ยังไม่นับรวมปัญหาเรื่องโลกระบาด ปัญหาสุดโต่ง เศรษฐกิจ เราต้องปรับตัวและเตรียมพร้อมทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กฎหมาย การต่างประเทศ ทุกเรื่องเกี่ยวพันกันทั้งหมด ประเด็นสำคัญถ้าเราไม่เชื่อและเคารพกฎหมายประเทศชาติก็เดินไปไม่ได้ กฎหมายจะเป็นการสร้างความเท่าเทียมให้กับทุกคนในโลก เราต้องเคารพกฎหมายฉบับเดียวกัน
“มีคนย้อนถามว่าแล้วผมเคารพกฎหมายหรือไม่ ขอยืนยันว่าผมเคารพกฎหมาย แต่กฎหมายของผมมีของผมเอง ถ้าเป็นเวลาปกติผมไม่ล้มอยู่แล้ว ทุกอย่างอยากแก้ไข อยากปฏิรูป แล้วโยนให้คนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์คนเดียวจะทำได้อย่างไร ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือด้วย ปัญหาของเราในปัจจุบันคือการเริ่มต้น แต่ทำอย่างไรเราจะลดการใช้กฎหมายให้ได้มากที่สุด เพราะกฎหมายเป็นความขัดแย้งระหว่างประชาชนด้วยกัน แทนที่กฎหมายจะทำให้เกิดความเท่าเทียม แต่เจ้าหน้าที่กับต้องมารบกับประชาชน เนื่องจากขาดการเรียนรู้ ประชาชนฉลาดแต่ไม่รอบรู้ เพราะฉะนั้นการทำงานวันนี้ขอให้ลืมตัวเองไปก่อน ไม่ใช่อะไรก็คิดถึงครอบครัวตัวเองก่อน วันนี้ไม่รู้เป็นอะไรหงิดหงุดตั้งแต่เช้า ไม่รู้เป็นอะไร พูดแล้วพูดอีก แล้วก็ยังเหมือนเดิม ขี้เกียจจะด่า” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้ต้องช่วยกันคิดว่าเราจะเดินหน้าประเทศอย่างไร ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่ถ้าไม่ช่วยกันทำก็คงเป็นเรื่องของพวกท่าน ถ้าตนยังอยู่ก็ยังพอจะช่วยได้ แต่ถ้าไม่อยู่แล้ว แล้วเลือกใครเข้ามาเป็นรัฐบาลก็เป็นเรื่องของพวกท่าน ตนไม่อาจไปบังคับใครได้ ดังนั้นจะต้องร่วมมือร่วมใจกันว่าจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เราต้องช่วยสร้างสังคมให้เกิดความเข้าใจ เพราะถ้าต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำมันไปไม่ได้ เพราะมีพวกสุดโต่งจำนวนมากถ้าตนทำในข้างใดข้างหนึ่งก็จะถูกด่า ตนจึงต้องอยู่ตรงกฎหมายท่ตนพยายามใช้ในปัจจุบันมากที่สุดเว้นแต่ที่จำเป็น และเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การดูแลรักษาสัตว์ป่าเราต้องคำนึงถึงว่าสัตว์แต่ละตัวกว่าจะโตได้ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ ที่ผ่านมาสัตว์ชนิดใดสวยงาม หรือมีคุณค่าก็จะถูกล่าเกือบทั้งหมด จึงอยากขอร้องถ้าอยากได้สารอาหาร หรืออะไรที่เป็นประโยชน์ก็ไปซื้อวิตามินกิน ดีเสือ ดีหมี หรืออะไรก็ตาม เขาก็เป็นชีวิตหนึ่งเหมือนมนุษย์ มีครอบครัวจะได้ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เราต้องยุติปัญหาต่างๆ ให้ได้ และไม่สร้างปัญหาใหม่ในอนาคต ต้องช่วยกันไม่ให้สัตว์ป่ามีจำนวนลดลง เพราะปกติสัตว์ป่ามันลดลงเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว คนยังจะตามไปกินมันอีก ทั้งที่มีของกินมากมาย ขอร้องคนที่ชอบสะสมของหายาก หายาชูกำลัง จะต้องหยุด จากนี้ไปร้านอาหารป่าต่างๆ จะต้องไม่มี และต้องไปดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าอย่างไร สัตว์ป่าประเภทใดบ้างที่ค้าขายหรือทำอาหารได้ การที่ช้างเข้ามาบุกรุกในเขตชุมชนเพราะป่าน้อยลง อาหารก็น้อยลง จึงไม่รู้ว่าใครแย่งอาหารใครกันแน่ระหว่างคนกับช้าง ก็ต้องมาหาวิธีการว่าทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน วันนี้ทั้งป่าไม้และสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ โดยเฉพาะเสือโคร่ง ตัวนิ่ม งาช้าง ล้วนเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์
นายกฯ กล่าวว่า ต้นไม้ตัดกันเข้าไป สังคมยอมรับคนเหล่านี้ได้อย่างไร คนที่โกง ทุจริต ทำลายป่า ทำผิดกฎหมาย ทุกคนนิ่งดูดายอยู่ได้อย่างไร มีช่องทางแจ้งความก็ขอให้ไปแจ้งความ ไม่ต้องไปกลัว หรือมาแจ้งที่ตนได้เลย ใครมีอิทธิพล ใครขี้โกงมาบอกตน หรือที่ศูนย์ดำรงธรรม หากไปพูดข้างนอกไม่เกิดประโยชน์อะไร สังคมก็ปั่นป่วนทุกเรื่องเพราะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ เพราะปัญหาเยอะเกินไป ทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่เข้าก็ไม่ต้องมาพูดกัน
การสร้างความเข้าใจมันอยู่ที่วิธีการทำอย่างไรให้เข้าใจสิ่งที่ตนพูด ไม่ใช่สุดโต่งขวาสุด สุดโต่งซ้ายสุด อยู่ตรงกลาง วันนี้การทำงานของเราสั่งแล้วต้องทำ พอถามบอกว่าทำระดับหนึ่ง ฉะนั้นรัฐบาลนี้ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าช่วงเวลา 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน จะทำอะไร ต้องแก้ปัญหาให้ได้ มีแผนงาน นี่คือการทำงานปฏิรูป ถ้าทำแบบเดิมตนก็ไม่จำเป็นต้องมายืนตรงนี้ คนไทยโชคดีมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีสายพระเนตรยาวไกล ตลอด ๗๐ ปีการครองราชย์ มีพระชนมายุ ๘๘ พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมายุ ๘๔ เราได้ทำอะไรถวายพระองค์ท่านครบถ้วนหรือไม่ ตัวตนก็ยังทำไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทุกคนมีภาระหน้าที่คนละอย่างกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเคยตรัสว่าถ้าทุกคนทำหน้าที่ตัวเองดีขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่มักทำหน้าที่คนอื่น หน้าที่ตัวเองไม่ค่อยทำ ตรงนี้ต้องแก้ไข สังคมต้องเปลี่ยนแปลง ไม่อย่างนั้นจะรบกับปัญหาเหล่านี้ สังคมเป็นแบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว สังคมที่สร้างความขัดแย้ง เพราะมีผู้นำที่ออกมาสู้กันแบบนี้ ผมไม่ต้องการให้มานำใครให้รบกับใคร ต้องเชื่อใจกัน ใครผิดต้องลงโทษ ไม่ใช่เหมาจ่ายว่านั้นเลวหรือดีไปทั้งหมด เพราะคนเป็นมนุษย์ ใครไม่ดีเอาออกไป ถ้าไม่ร้ายแรงทำให้เขาเป็นคนดี เว้นแต่เขาไม่อยากจะดีแล้ว
“สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทำมาตลอด ท่านไม่เคยมายุ่งกับการเมือง ผมกราบเรียนท่านทุกคน ไม่มีใครมาสั่งผม ผมสั่งตัวผมเอง พูดด้วยสัตย์จริง ไม่มีใครสั่งผมได้ทั้งนั้น ใครจะมาสั่งผมได้ สั่งให้ผมยึดอำนาจ สั่งให้ผมปล่อยอำนาจ ไม่มีใครสั่งผมได้ มีแต่ประชาชนจะให้ทำหรือเปล่า ถ้าไม่อยากให้ทำจะได้เลิก แล้วกลับไปอยู่ที่เดิม ฉะนั้นทุกคนสามัคคี ดังนั้นเจตนารมณ์ของพระองค์ท่าน” นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สัตว์ป่าหลายอย่างมันอร่อย แต่บางอย่างตัวดำๆ เห็นว่าไม่น่าอร่อย และที่แก้ไม่ได้คือหูฉลาม หลายคนติดใจความอร่อย แต่ถ้าเห็นตอนถูกเชือดจะกินไม่ลง กินแล้วได้อะไรขึ้นมาไม่เข้าใจ ตนเคยกินก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เบาลง ทั้งเบื่อและสงสาร สำหรับฉลามวาฬที่มีให้เห็นถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่พอคนไปดูมากๆ ก็จะหายไป ฉะนั้นต้องควบคุมการเข้าชมของคนด้วย ไม่จำเป็นต้องเอาเรือไปใกล้ ดูห่างๆ และต่อไปการบริการด้านการท่องเที่ยว ถ้าเกิดอุบัติเหตุกับนักท่องเที่ยวตนจะเอาผิดผู้ประกอบการ เพราะจะต้องดูแลมาตรฐานคนที่จะมาดูแลประชาชนในกิจการตัวเอง
นายกฯ กล่าวว่า การบริหารงบประมาณในยุคนี้ไม่ได้บริหารตามคะแนนเสียง แต่ต้องเฉลี่ยลงพื้นที่ทั่วประเทศไม่ซ้ำซ้อน นั่นคือหน้าที่รัฐบาล แต่วันข้างหน้าขะเกิดแบบที่วางไว้หรือไม่ก็ไม่รู้ วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ขอเชิญชวนคนไทยช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ๘๔ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ นี้ วันนี้ต้องทำให้พระองค์ท่านมีความสุขเสียที ทำกันไม่ได้หรือ พระองค์ท่านทำให้เรากี่ปีแล้ว ต้องเริ่มต้นหยุดซื้อหยุดขาย หยุดฆ่า แก้ปัญหาสัตว์ป่าสูญพันธุ์
วันนี้ตนเป็นผู้รักษากติกา ขอประชาชนอย่าเชื่อคำบิดเบือนที่บอกว่ารัฐบาลนี้จะเลิกสนับสนุนการเรียนฟรี 15 ปี และโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โดยยืนยันว่ามีแต่จะทำให้ดีขึ้น รัฐบาลบริหารประเทศให้เติบโตทุกภูมิภาค โดยไม่ซ้ำซ้อนกัน การผลิตสินค้าต้องไม่แข่งราคากันเอง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ปกติตนเป็นคนใจดี แต่จะใจร้ายกับคนที่คิดไม่ดีต่อประเทศ ทุกอย่างต้องแก้ไขด้วยกฎหมาย ตนคุยกับคนผิดกฎหมายไม่ได้ ใครผิดหรือถูกขอให้มาสู้คดีกันเอา จะไม่มีการคุยกันแล้วเลิก เหมือนกับว่าซูเอี๋ยกันทั้งประเทศ ตนก็โดนกดดันจากข้างนอก ถ้าทุกคนอยากให้ประเทศสงบเรียบร้อยจะต้องปรองดอง มีคนบอกว่าถ้าประชามติไม่ผ่านตนต้องลาออก แต่ไม่มีใครกำหนดตนได้ ทั้งนี้ ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็ทำรัฐธรรมนูญใหม่ตามกติกาที่มีอยู่ และเมื่อได้พูดคุยกับชาวบ้านก็รู้ว่าชาวบ้านคาดหวังและต้องทำให้ประชาชนให้สำเร็จ นี่คือสิ่งที่ผู้มีอำนาจรัฐจะต้องทำ ส่วนประชาชนมีหนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียง อย่าให้ใครมาชี้นำ
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณียังมีเหตุการณ์เด็กเยาวชนตีกันว่า เด็กแว้น เยาวชนตีกันบนถนน ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.มาตรา 44 เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาก็ยังตีกันอีก คอยดูก็แล้วกันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะหาว่าตนใจร้ายไม่ได้ เพราะเตือนหลายครั้งแล้ว ตนถึงบอกประเทศไทยอันตราย ทั้งที่พ่อแม่ ตัวเองต้องได้รับผลกระทบ ไม่สนใจเลย แล้วจะอยู่กันด้วยอะไร ตีกันกลางตลาด กลางถนน รถชน รถแซงหน้ากันนิดเดียวก็เปิดประตูมาทุบกระจกกัน ลากขวานออกมา มีประเทศไหนเขาทำแบบนี้กันบ้าง