xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ชี้ยังไม่เห็นประโยชน์นักการเมืองคุยกันเอง หนุนรัฐเปิดให้ถกกับผู้มีอำนาจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เตือน “หญิงหน่อย” นัดคุยบิ๊กหลายพรรคอาจถูกมองสร้างประเด็นการเมือง เผย “นิพิฏฐ์” บอกไม่คิดว่าจะเอาไปพูดจนกลายเป็นนัดทางการ ชี้ไม่เห็นประโยชน์ในการคุยระหว่างกัน เพราะยังไม่ใช่เวลา หนุนเปิดพื้นที่คุยกับผู้มีอำนาจ ฝากรัฐอย่ามองนักการเมืองมีไว้สำหรับเลือกตั้ง รอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย พ.ร.บ.ประชามติ



วันนี้ (29 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุจะมีการหารือกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ว่านักการเมืองมีการพูดคุยกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือนักการเมืองอาจถูกมองว่าสร้างประเด็นทางการเมืองขึ้นมา หรือทำให้เกิดความหวาดระแวงซึ่งจะทำให้เกิดช่องว่างกับฝ่ายอื่นมากขึ้นว่า คิดแต่เรื่องของตนเองจะเป็นปัญหา อีกทั้งนักการเมืองก็แสดงความเห็นกันอยู่แล้วจึงไม่ควรสร้างปมปัญหาทางการเมืองขึ้นมา โดยดูได้จากปฏิกิริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มองว่าอาจมีอะไรแอบแฝง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือสร้างความไว้วางใจในสังคม ตนเข้าใจว่าแม้พรรคการเมืองจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในอดีตแต่ไม่ได้หมายความว่าเลวทุกเรื่อง หรือเลวทุกคน แต่บ้านเมืองก็หนีการเมืองระบบตัวแทนไม่ได้ จึงต้องรับฟังมุมมองซึ่งกันและกัน

“ที่ผมฟังจากคุณนิพิฏฐ์ เป็นการปรารภระหว่างพบกันในวงเสวนาว่านักการเมืองควรคุยกันบ้าง แต่คุณนิพิฏฐ์ ไม่คิดว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะนำไปพูดบนเวทีจนกลายเป็นเหมือนจะเป็นการพูดคุยเป็นทางการ เมื่อเป็นในอารมณ์นี้ปฏิกิริยาของนายกฯ จึงเกิดความรู้สึกระแวงว่าการเมืองกำลังสมคบหรือสุมหัวทำอะไรกันหรือเปล่า ดังนั้น ดีที่สุดคือการเปิดพื้นที่การเมืองรับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน โดยมีการพูดคุยระหว่างพรรคการเมืองกับผู้มีอำนาจ และฝ่ายอื่นๆ ทางสังคม ไม่ใช่พูดคุยกันเอง เพื่อมองบทบาทของแต่ละฝ่ายในวันข้างหน้า ผมจึงไม่เห็นประโยชน์ที่จะมีการพูดคุยระหว่างนักการเมืองในขณะนี้ในที่สุดคงไม่มีการรวมตัวแบบนั้น เพราะไม่ใช่เวลาที่จะทำอย่างนั้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า การพูดคุยระหว่างนักการเมืองทำได้ตลอดเวลา เช่นตนก็พูดคุยได้ แต่ต้องอยู่บนหลักของประโยชน์ส่วนรวม ลดช่องว่างระหว่างพรรคการเมืองกับฝ่ายอื่นๆ แต่ไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นระหว่างพรรคการเมืองกับผู้มีอำนาจปัจจุบัน หรือกับภาคประชาสังคม ต้องปรับเปลียนตรงนี้ มิเช่นนั้นประเทศเดินหน้าไม่ได้ บทบาทที่ดีที่สุดสำหรับภาคการเมืองที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศคือ เมื่อ คสช.เปิดพื้นที่การเมืองแบบมีเงื่อนไขคือถ้าไม่สบายใจไม่อยากให้มีการปราศรัยหรือทำงานมวลชนก็ไม่เป็นไรตนไม่ติดใจ แต่ต้องให้พรรคการเมืองได้ทำงานอย่างสร้างสรรค์แบบที่ปฏิรูปแล้ว อย่ามองว่านักการเมืองมีไว้สำหรับเลือกตั้ง เพราะบ้านเมืองจะปฏิรูปไม่ได้แต่ต้องบีบบังคับให้พรรคการเมืองแสดงความเห็นเรื่องปัญหาประชาชน โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหรืออำนาจเพราะเป็นหน้าที่พรรคการเมือง ไม่ใช่รอวันเป็นรัฐบาล

สำหรับบรรยากาศการออกเสียงประชามตินับจากวันนี้จนถึงวันที่ 7 ส.ค.นั้น นายอภิสิทธิ์มองว่า สิ่งที่ต้องระวัง คือ ต้องดูผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับมาตรา 61 วรรคสองของร่าง พ.ร.บ.ประชามติว่าจะออกมาอย่างไร และตนยืนยันว่าหากยังเดินต่อไปเช่นนี้ก็จะเป็นประชามติที่ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งน่าเสียดายโอกาส


กำลังโหลดความคิดเห็น