นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยบ ระบุว่า จะมีการหารือกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อหาแนวทางช่วยกันแก้ไขปัญหาประเทศชาติว่า นักการเมืองมีการพูดคุยกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ นักการเมืองอาจถูกมองว่าสร้างประเด็นทางการเมืองขึ้นมา หรือทำให้เกิดความหวาดระแวง ซึ่งจะเป็นปัญหา โดยดูได้จากปฏิกิริยาของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มองว่าอาจมีอะไรแอบแฝง ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ สร้างความไว้วางใจในสังคม ซึ่งตนเข้าใจว่า แม้พรรคการเมืองจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาในอดีต แต่ไมได้หมายความว่าเลวทุกเรื่อง หรือเลวทุกคน แต่บ้านเมืองก็หนีการเมืองระบบตัวแทนไม่ได้ จึงต้องรับฟังมุมมองซึ่งกันและกัน
"ที่ผมฟังจากคุณนิพิฏฐ์ เป็นการปรารภระหว่างพบกันในวงเสวนาว่า นักการเมืองควรคุยกันบ้าง แต่คุณนิพิฏฐ์ ไม่คิดว่าคุณหญิงสุดารัตน์ จะนำไปพูดบนเวที จนกลายเป็นเหมือนจะเป็นการพูดคุยเป็นทางการ เมื่อเป็นในอารมณ์นี้ ปฏิกิริยาของนายกฯ จึงเกิดความรู้สึกระแวงว่า การเมืองกำลังสมคบ หรือสุมหัวทำอะไรกันหรือเปล่า ดังนั้น ดีที่สุดคือการเปิดพื้นที่การเมือง รับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน โดยมีการพูดคุยระหว่างพรรคการเมืองกับผู้มีอำนาจ และฝ่ายอื่นๆ ทางสังคม ไม่ใช่พูดคุยกันเอง เพื่อมองบทบาทของแต่ละฝ่ายในวันข้างหน้า ผมจึงไม่เห็นประโยชน์ที่จะมีการพูดคุยระหว่างนักการเมืองในขณะนี้ ในที่สุดคงไม่มีการรวมตัวแบบนั้น เพราะไม่ใช่เวลาที่จะทำอย่างนั้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุหากร่างรธน.ผ่าน จะมีการเตรียมจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ และมีซูเปอร์บอร์ด เข้ามาคุมนักการเมืองว่า ไม่ทราบ เกิดมาไม่เคยไม่ยินเรื่องซูเปอร์บอร์ด จึงไม่รู้จะไปพูดต่ออย่างไร ส่วนในสมัยร่างรธน.ฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ไม่มีแนวคิดดังกล่าวแน่นอน แต่สมัยนี้ มีแนวคิดเพราะคุณหญิงสุดารัตน์พูด ส่วนไปได้แนวคิดมาจากไหน ต้องไปถามคุณหญิงสุดารัตน์เอง หรือถ้าตนเจอจะถามให้
ทั้งนี้ ตามขั้นตอน ถ้าร่างรธน.ผ่านประชามติ ทางกรธ.จะเป็นผู้ยกร่างกฎหมายลูก 10 ฉบับ โดยมี 4 ฉบับ ที่จำเป็นแก่การเลือกตั้ง คือกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง และกฎหมายว่าด้วยการสรรหาส.ว. ส่วน 6 ฉบับที่เหลือ ทยอยดำเนินการได้ โดยกฎหมายจัดตั้งพรรคการเมืองที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับ กรธ.พิจารณา และไม่ทราบเจตนารมณ์ของกรธ. เนื่องจากไม่มีใครพูดอะไรเรื่องนี้ ทุกวันนี้ทุกคนพูดเรื่องรธน.จะผ่าน หรือไม่ผ่านก่อน
"ที่ผมฟังจากคุณนิพิฏฐ์ เป็นการปรารภระหว่างพบกันในวงเสวนาว่า นักการเมืองควรคุยกันบ้าง แต่คุณนิพิฏฐ์ ไม่คิดว่าคุณหญิงสุดารัตน์ จะนำไปพูดบนเวที จนกลายเป็นเหมือนจะเป็นการพูดคุยเป็นทางการ เมื่อเป็นในอารมณ์นี้ ปฏิกิริยาของนายกฯ จึงเกิดความรู้สึกระแวงว่า การเมืองกำลังสมคบ หรือสุมหัวทำอะไรกันหรือเปล่า ดังนั้น ดีที่สุดคือการเปิดพื้นที่การเมือง รับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน โดยมีการพูดคุยระหว่างพรรคการเมืองกับผู้มีอำนาจ และฝ่ายอื่นๆ ทางสังคม ไม่ใช่พูดคุยกันเอง เพื่อมองบทบาทของแต่ละฝ่ายในวันข้างหน้า ผมจึงไม่เห็นประโยชน์ที่จะมีการพูดคุยระหว่างนักการเมืองในขณะนี้ ในที่สุดคงไม่มีการรวมตัวแบบนั้น เพราะไม่ใช่เวลาที่จะทำอย่างนั้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุหากร่างรธน.ผ่าน จะมีการเตรียมจดทะเบียนพรรคการเมืองใหม่ และมีซูเปอร์บอร์ด เข้ามาคุมนักการเมืองว่า ไม่ทราบ เกิดมาไม่เคยไม่ยินเรื่องซูเปอร์บอร์ด จึงไม่รู้จะไปพูดต่ออย่างไร ส่วนในสมัยร่างรธน.ฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ไม่มีแนวคิดดังกล่าวแน่นอน แต่สมัยนี้ มีแนวคิดเพราะคุณหญิงสุดารัตน์พูด ส่วนไปได้แนวคิดมาจากไหน ต้องไปถามคุณหญิงสุดารัตน์เอง หรือถ้าตนเจอจะถามให้
ทั้งนี้ ตามขั้นตอน ถ้าร่างรธน.ผ่านประชามติ ทางกรธ.จะเป็นผู้ยกร่างกฎหมายลูก 10 ฉบับ โดยมี 4 ฉบับ ที่จำเป็นแก่การเลือกตั้ง คือกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. กฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง และกฎหมายว่าด้วยการสรรหาส.ว. ส่วน 6 ฉบับที่เหลือ ทยอยดำเนินการได้ โดยกฎหมายจัดตั้งพรรคการเมืองที่เกี่ยวกับพรรคการเมืองขึ้นอยู่กับ กรธ.พิจารณา และไม่ทราบเจตนารมณ์ของกรธ. เนื่องจากไม่มีใครพูดอะไรเรื่องนี้ ทุกวันนี้ทุกคนพูดเรื่องรธน.จะผ่าน หรือไม่ผ่านก่อน
