นายกรัฐมนตรีบอกรัฐธรรมนูญตนไม่ได้ร่าง ถ้าไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน ถ้า ม.61 วรรคสองใช้ไม่ได้ ก็ใช้มาตราอื่น คำสั่ง คสช.ก็มี ทำไมต้องใช้กฎหมายพิเศษอีก ถามคนผิดมีอำนาจอะไรมาเที่ยวประกาศให้สังคมสับสน แย้มทำ รธน.ใหม่ ไม่มีฉบับสำรอง จ่อรวมเท่าที่มี ปัดบังคับให้ผ่าน แต่ถ้าไม่มี รธน.ก็เลือกตั้งไม่ได้ บอกห่วงคนไปใช้สิทธิตีกัน ย้ำโหวตเข้าออกอียูคนละเรื่องกับบ้านเรา แนะไปถามชาวบ้านสนใจ กม.สูงสุดแค่ไหน ลั่นเสี่ยงเข้ามาไม่ได้ทวงบุญคุณใคร เมินฟังพวกต้าน บอกให้เวทีแล้วแต่ไม่เข้าเอง
วันนี้ (28 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยมาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่ ในวันที่ 29 มิ.ย.ว่า เรื่องรัฐธรรมนูญตนไม่ได้เป็นคนร่าง แต่เสนอขั้นตอนโรดแมปว่าต้องมีรัฐธรรมนูญแล้วเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามที่วางไว้โดยมีคณะทำงาน หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน ต้องเป็นมติประชาธิปไตยเขาเริ่มจากตรงนี้ ทุกคนหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่ากัน เริ่มต้นด้วยการทำประชามติ หรือการเลือกตั้ง ถ้าประชามติผ่านก็คือเขาว่าดี แต่ถ้าไม่ผ่านก็คือเขาว่ามันไม่ดี หรือผ่านโดยคนต้องการจะล้ม ไปหาสาเหตุมาให้ตนดูก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตรา 61 วรรคสอง พ.ร.บ.ประชามติใช้ไม่ได้ นายกฯ กล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบแล้ว ทำไมตนต้องตอบอีก แล้วมีมาตราอื่นอีกหรือไม่ ถ้ามาตรานี้ใช้ไม่ได้ก็ใช้มาตราอื่น คำสั่ง คสช.ก็มี ทำไมต้องออกกฎหมายพิเศษอีก ให้มาตีความหัวหมอกันอยู่นั่น คำสั่งได้คลุมไว้ทั้งหมดอยู่แล้ว วันนี้ยังไม่ได้ใช้ทั้งหมดเลย ถ้าใช้หมดก็ระนาวกันหมด ทำไมไม่ดูตรงส่วนนี้บ้าง ตอนลงโทษคนก็บอกว่าใช้อำนาจ แล้วคนที่ทำความผิดอยู่ทุกวันมีอำนาจอะไร ที่จะมาเที่ยวประกาศให้สังคมสับสน สื่อก็ถามเขาไปบ้างว่ามีอำนาจอะไร
เมื่อถามว่า นายกฯ พูดมาหลายเวทีหากประชามติไม่ผ่านนั้นมีวิธีการไว้แล้ว นายกฯ กล่าวว่า วิธีการคือการทำรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อถามว่าหมายความว่ามีรัฐธรรมนูญสำรองรองรับไว้แล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มี แต่มันจะยากอะไร รัฐธรรมนูญแตกต่างกันไม่เท่าไหร่ ตนก็รวบรวมเท่าที่มีอยู่ซึ่งมีคณะทำงานอยู่แล้ว และฝ่ายกฎหมายก็ดูอยู่ รู้หรือยังว่ารัฐธรรมนูญทั้งหมดที่มีมาแล้วแตกต่างกันตรงไหน กี่มาตรา มันก็ไม่กี่มาตรา รัฐธรรมนูญจะมาจากสหประชาชาติหรือ บ้านเราก็บ้านเราสิ เราทำเพื่อใคร เพื่อบ้านเราเป็นหลักใช่ไหม ทำไมไม่คิดแบบประเทศอื่นคิดกันบ้าง ตนไม่เข้าใจ ประเทศเพื่อนบ้านที่มาเมื่อสองวันนี้เขาก็พูดว่าทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของเขาก่อน และตนก็บอกว่าทุกอย่างที่ทำวันนี้เราถือว่าประชาชนเป็นศูนย์กลาง มันก็อันเดียวกัน แต่คำว่าประชาชนเป็นศูนย์กลางมีกี่พวก บ้านอื่นเมืองอื่นเขามีแบบเราหรือไม่ ที่แบ่งเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย พร้อมใช้ความรุนแรง และการกระทำผิดกฎหมาย มันไม่เหมือนกัน ของเราค่อนข้างที่จะเอากฎหมายมาสู้กัน ตรงนั้นคืออันตราย
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ในโค้งสุดท้ายจะไม่มีอุปสรรคอะไรขวางโรดแมปที่วางไว้ นายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่ามีรัฐธรรมนูญหรือยัง ตามโรดแมปถ้าไม่ผ่านประชามติก็ต้องร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ไม่ใช่ว่าตนจะบังคับให้คนต้องผ่าน ตนพูดตรงนี้อย่านำไปตีความผิดกัน ต้องเอาหลักการมาพูด การเลือกตั้งต้องมีรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่มีก็เลือกตั้งไม่ได้ และการเลือกตั้งจะจัดได้ก็ต้องไม่มีความรุนแรง ไม่มีความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น บ้านเมืองต้องมีเสถียรภาพ ประชาชนออกมาลงคะแนนเสียงด้วยความเป็นอิสระ ตนไม่ได้ไปบังคับใครรับหรือไม่รับ เลือกหรือไม่เลือก ตนเดินโรดแมป และไม่ไปยุ่งเกี่ยวทั้งสิ้น เป็นเรื่องของกระบวนการ
เมื่อถามว่า ในฐานะที่นายกฯ คุมเกมทุกอย่างตอนนี้ ห่วงอะไรในวันลงประชามติ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ห่วงตีกันมั้ง ระหว่างคนไปลงประชามติ บางทีไปเจอคนไม่ถูกชะตากัน ผมมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย อย่าใช้อาวุธก็แล้วกัน และอย่าเอาผมไปยุ่งเกี่ยว มันคนละเรื่อง”
เมื่อถามว่า หากเทียบกับการทำประชามติของอังกฤษที่มีเสียงเรียกร้องให้จัดขึ้นรอบสอง แล้วในบ้านจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์แบบนั้น นายกฯ กล่าวว่า คนละเรื่องประเด็นกัน เราไม่มีรัฐธรรมนูญ ของเขาเป็นรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร และเป็นเรื่องการเข้าออกอียู มันคนละเรื่องกัน จะมาถามตนได้อย่างไร คนละประเด็น แต่เรื่องรัฐธรรมนูญในบ้านเรามีบางฝ่ายพร้อมจะไม่เข้าใจอยู่แล้ว กฎหมายออกมาเท่าไหร่ยังทำอะไรไม่ได้ แล้วจะเอาอย่างไร เอาแบบอังกฤษที่ไม่ต้องมีลายลักษณ์อักษรใช่ไหม ก็รอไปแล้วกัน ให้เราเหมือนอังกฤษเขาก่อน แต่กฎหมายบ้านเราไม่ได้เขียนให้ทำประชามติสองครั้ง ฉะนั้นอย่าถามอะไรที่มันไม่มี
“การทำประชามติถ้าโหวตโน ก็ต้องไปถามคนที่ตั้งใจจะล้มที่ไม่ใช่ความคิดเป็นอิสรเสรี ที่มีการบิดเบือนกันอยู่ทุกวัน ต้องไปถามประชาชนหรือแม่ค้าที่มีสิทธิเลือกตั้งว่ารู้เรื่องรัฐธรรมนูญหรือเปล่า สนใจแค่ไหน เขาเดือดร้อนกับรัฐธรรมนูญแค่ไหน อย่างไร ไปถามคนที่เขาหากินทุกวันนี้บ้าง แต่มันจำเป็นต้องทำรัฐธรรมนูญ เพราะประเทศต้องเป็นประชาธิปไตย หรือต้องการประเทศล้มเหลวก็แล้วแต่ ถ้าเป็นความต้องการของคนไทยก็เอา” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า วันนี้คิดว่าในเรื่องสีเสื้อสลายแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่รู้ ไม่สนใจ จะสีอะไรก็สีไปเถอะ วันนี้ผมใส่เสื้อหลายสี เหมือนผ้าขาวม้า สีก็คือสี ทำให้สีสวยๆ ดีๆ เสียหมด คนไทยไม่มีสี เลือดสีเดียวกันหมด เลือดสีน้ำเงิน สีฟ้า มีไหม ก็เลือดสีแดงทั้งนั้น เลือดความเป็นไทย เลือดบรรพบุรุษมีเหลือกันบ้างไหม หรือไม่มีแล้ว ประชาธิปไตยต้องเลือดคนละสีหรือ”
เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสลายสีได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีฉบับเก่าเลยจะไปฉบับใหม่แล้ว การมองไปข้างหน้าของตนทำไมต้องบอกใคร สื่อก็มองของสื่อไป ตนมองของตนเพราะมีอำนาจ เมื่อถามว่าจากที่นายกฯ มีอำนาจแล้วคิดว่าจะสลายสีได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนสั่งให้เขาสลายได้ อยู่ที่จะช่วยกันหรือไม่
เมื่อถามว่าหากมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ถ้ายังมีการแบ่งสีแบ่งฝ่ายเหมือนเดิมจะเสียดายที่เข้ามาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อยู่ที่ประชาชน จะเอายังไงบอกมา ถามประชาชนมา สื่ออย่ามาถามแทนเพราะไม่ใช่ประชาชนทั้งประเทศ แต่ขอถามกลับประชาชนต้องการอะไร ให้ประเทศชาติเดินหน้าหรือเปล่า หรือให้เป็นสีแบบนี้ ต้องการคนไม่มีธรรมาภิบาลมาบริหารหรือเปล่า ถามแบบนี้จะได้สร้างสรรค์ ตนหยุดสถานการณ์ให้ยังไม่พออีกหรือ หยุดเพื่อให้จุดกันต่อหรือไง
“ผมมาเสี่ยงทุกวันนี้ไม่ได้ทวงบุญคุณใครเลยนะ คิดว่ามันไม่เสี่ยงหรือไง ผมสามารถทำคนเดียวได้ไหม แล้วก็ไม่มั่นใจว่าประชาชนจะร่วมมือ เพราะสื่อเองยังไม่ร่วมเลย เอาข้างนู้นมาถามข้างนี้ สื่ออาจจะไม่เจตนา แต่ถ้าเอาข้างนู้นมาถามด้วย ผมไม่ฟัง เพราะเขาไม่เข้ามาในทางที่ถูกต้อง เวทีก็มี เข้ามาครั้งแรกครั้งเดียวแล้วไม่มาอีก และมาบอกว่าไม่เชิญ มันถูกไหม เช่น เวทีที่สโมสรทหารบก” นายกฯ กล่าว