xs
xsm
sm
md
lg

“ธีรชัย” อ้าง “สิบโท” ฮีตสโตรกดับไม่คาดฝัน - พบ “ร้อยเอก” สั่งซ่อมใกล้ชิด “พลโท”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ส.ท.ปัญญา เงินเหรียญ ผู้เสียชีวิต (ภาพจากเฟซบุ๊ก Panya Ngernrean)
ผู้บัญชาการทหารบกระบุ ทหารยศ “สิบโท” ที่เกิดโรคลมร้อนเสียชีวิตจากการถูกลงโทษเป็นเรื่องไม่คาดฝัน สั่งเยียวยาครอบครัว ญาติผู้เสียชีวิตระบุทหารชี้แจงไม่ตรงกัน กังขาเห็นว่าฟุบทำไมไม่ช่วยเหลือและสั่งระงับลงโทษ แกะรอยไลน์ต้นฉบับพบ “ร้อยเอก” ที่สั่งลงโทษอายุ 29 จบ จปร.รุ่นที่ 58 นามสกุลเดียวกับนายทหารระดับสูงยศ “พลโท”

จากกรณีที่ ส.ท.ปัญญา เงินเหรียญ หรือเอ็ม นักเรียนนายสิบเหล่าการเงิน รุ่น 16 สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 19 (ร.19 พัน.3) ค่ายสุรสีห์ ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ถูกนายทหารยศร้อยเอก สั่งลงโทษทางวินัยจนเสียชีวิต ด้วยสาเหตุโรคลมร้อน (ฮีตสโตรก) รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมแสดงความเสียใจ โดยระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การซ้อมทรมาน แต่เป็นการลงโทษทางวินัยทหาร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไม่คาดฝัน และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น พร้อมสั่งการให้กองพลทหารราบที่ 9 หาแนวทางช่วยเหลือครอบครัว ส.ท.ปัญญา ต่อไป ขณะที่ พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้อยเอกนายดังกล่าวพร้อมผู้แวดล้อมทั้งหมดแล้ว

ด้านนายศุกกิตติ์ วิเศษอนุพงศ์ รุ่นพี่ ส.ท.ปัญญา ให้สัมภาษณ์ในรายการคมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ระบุว่าตนได้ทราบข่าวมา 2-3 วัน หลัง ส.ท.ปัญญาเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ภาพแรกในตอนนั้นอาการหนัก คงคิดที่จะกลับมายาก เพราะอวัยวะภายในไม่สามารถทำงานได้แล้ว มีเครื่องปอดเทียม เครื่องฟอกไต มีการให้เลือดตลอด ที่สะเทือนใจคือมีพยาบาลยืนอยู่ข้างๆ คอยดูดเลือดตลอด ตนทำได้แค่ยืนหน้าห้องไอซียู โดยไม่รู้สึกตัวตั้งแต่วันแรก

เมื่อสอบถามพยาบาลก็ระบุว่ายากแล้วที่จะกลับมา สาเหตุเกิดจากโรคลมแดด (ฮีตสโตรก) เต็มขั้น โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาได้เข้าพบ พบว่าตามเนื้อตัวมีอาการบวม แขนถูกผ่าเพื่อระบายเลือด อาการยังไม่ได้สติ ก่อนที่จะเสียชีวิตเมื่อเวลา 20.30 น.ของวันที่ 22 มิ.ย. โดยแพทย์แจ้งญาติว่าจะปั๊มหัวใจเพราะความดันตกมาตลอด เพราะอาการเริ่มแย่ตั้งแต่เวลาเที่ยงที่ผ่านมา เขาเป็นคนดี เมื่อเห็นว่าจากไปก็ลำบากใจ ตอนที่ประกาศรับบริจาคเลือดก็คิดว่าช่วยให้ได้มากที่สุด

ด้านนางเพ็ญโฉม ชมศิริ ญาติของ ส.ท.ปัญญา ระบุว่า แพทย์แจ้งรายละเอียดให้ทราบถึงอาการของโรค ส่วนสาเหตุทางทหารได้มาพูดคุย โดยผู้บังคับกองร้อยซึ่งจำไม่ได้ ได้มาดูแลในการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่ในการนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล และดูแลที่โรงพยาบาล ช่วยประสานงานในการรักษาพยาบาล ส่วนสาเหตุจากการทำโทษ ทางทหารได้กล่าวว่าเป็นการลงโทษ แต่ใช้คำว่า เป็นการลงโทษด้วยวิธีที่เบาที่สุด และได้สอบสวนผู้ที่ควบคุมการลงโทษและผู้พบเห็น แต่ในข่าวที่มาจากหลายกระแสบอกลักษณะการลงโทษที่ไม่ตรงกันกับคำบอกเล่าของผู้ที่ทำการสอบสวน จึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ

ทั้งนี้ ทางทหารบอกว่า ส.ท.ปัญญา อยู่หน่วยการเงิน โดยมีนายร้อยอีกนายหนึ่งทำงานกันอยู่ 2 คน ในส่วนของการเงินซึ่งผู้บังคับบัญชาที่สูงกว่าได้มอบงานให้ทำ เขาเองก็ไม่ทำ เขาก็ไปเตือนอีกครั้งหนึ่งก็ไม่ทำ เตือนครั้งที่ 3 ก็ไม่ทำ ก็เลยทำการลงโทษ แต่ถ้าใช้ดุลพินิจตามนิสัยของ ส.ท.ปัญญา ในฐานะผู้ใกล้ชิดจะไม่ใช่คนที่ละเลยหน้าที่ ในส่วนของการรับผิดชอบนั้นมีความรับผิดชอบสูง เพราะฉะนั้นในสายงานถ้ามอบงานแล้วไม่ทำต้องมีเหตุผลส่วนตัวว่าทำไมจึงไม่ทำ แต่ทางทหารใช้คำว่าเข้าใจว่า ส.ท.ปัญญาจะมีการสอบในวันเสาร์ เพราะกำลังเรียนต่อในปริญญาตรี การให้เวลากับการเรียน การทำงาน การเข้าเวรมากทำให้อ่อนเพลีย ร่างกายไม่เต็มร้อยในการลงโทษ

“เป็นจุดหนึ่งที่เรามองว่าส่วนหนึ่งของปัญหานี้การลงโทษนี้รุนแรงหรือเปล่า ในเมื่อ ส.ท.ปัญญา รับไม่ได้ทำไมไม่ผ่อนผันการลงโทษลงมา แต่กลับลงโทษที่เพิ่มปริมาณการลงโทษมากขึ้น ซึ่งผู้บังคับบัญชาบอกว่า ขั้นต่ำที่สุดคือการวิ่ง แต่กระแสข่าวบางข่าวบอกว่าไม่ใช่วิ่ง ตนไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ แต่ที่เขาบอกได้ว่าสอบสวนแล้วยืนยันว่าเป็นการวิ่งอย่างเดียว เพียงแต่ ส.ท.ปัญญา วิ่งตัดสนาม ไม่วิ่งตามรอบที่วางเอาไว้ จึงถามว่าทำไมถึงวิ่งตัดสนาม เพราะ ส.ท.ปัญญาไม่น่าจะอู้ ถ้าหากว่าไม่ไหวแล้ว ถ้าวิ่งตัดสนามเป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่สามารถที่จะวิ่งต่อไปได้อีกแล้ว จึงถูกมองว่าไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องเพิ่มรอบการทำโทษขึ้นอีก”

นางเพ็ญโฉมกล่าวต่อว่า ผู้บังคับบัญชาสอบสวนว่า มีผู้ติดตาม ส.ท.ปัญญา คอยถามว่าไหวไหม ตนมองว่าการวิ่งตามกันไม่น่าจะเป็นไปได้ ซึ่งตามกระแสข่าวคือมีอาการฟุบไปสองครั้ง แต่ทางทหารบอกว่าเป็นการล้มครั้งแรก และผู้ติดตามได้คว้าตัวเอาไว้ได้ หัวไม่ฟาดพื้น แต่ทางทหารไม่ได้กล่าวว่ามีการพุ่งหลัง แต่กระแสทางอื่นบอกว่ามีการพุ่งหลังด้วย พอเกิดการฟุบลงไป คือ ภาวะของฮีตสโตรกขึ้น จึงได้ช่วยชีวิตโดยการใช้ความเย็น ไม่ได้ปั๊มหัวใจ ซึ่งคนที่สั่งลงโทษเป็นร้อยเอก ขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวในการสอบสวน

ทางทหารบอกว่า พอวิ่งตัดสนามจึงเพิ่มการลงโทษ ตนตั้งข้อสังเกตว่า ในเมื่อร่างกาย ส.ท.ปัญญาไม่ไหว ฟุบในบางคราวแล้ว เพื่อนถามว่าไหวไหม ก็ควรจะหยุดแล้ว ให้เขาพัก ถ้าวิ่งอยู่แล้วมีความมุมานะแล้วต้องไปให้ถึง เขาจะฝืนตัวเอง แต่คนที่ถามทำไมไม่มองดูว่าคำว่าไหวคืออะไร แล้วรอให้เขาขาดใจก็จะรู้ว่าเขาไม่ไหว

นางเพ็ญโฉมกล่าวว่า มารดาเคยเล่าให้ฟังว่า ในเรื่องของงาน ส.ท.ปัญญาเคยบอกว่าบางครั้งได้รับมอบหมายมาซึ่งเป็นงานจากคนอื่นที่ทำค้างไว้ ทำบกพร่องไว้ แล้วเอางานให้ ส.ท.ปัญญาทำ ซึ่งไม่รู้ไม่เข้าใจงานนี้ บางทีก็เกินขีดความสามารถ บางทีก็บอกว่าเหนื่อย ครั้งสุดท้ายที่ได้โทรศัพท์หามารดาบอกว่า แม่ ผมไม่ไหวแล้ว ผมเหนื่อย

ทั้งนี้ มารดาระบุว่า การดูแลเบื้องต้นน่าที่จะรับได้ แต่ห่วงว่าในความรับผิดชอบของผู้ที่สั่งลงโทษ ยังไม่ได้ออกมาให้เห็น และแสดงความรับผิดชอบ และการสอบสวน มารดายังแคลงใจว่าเป็นการลงโทษแบบไหนกันแน่ ทำไม ส.ท.ปัญญา ที่สุขภาพแข็งแรงถึงฟุบลงไปแล้วไม่ได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้น และระงับการลงโทษอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก เพราะก็มีพลทหารรายหนึ่งก็ได้เข้ารักษาด้วยอาการฮีตสโตรกตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงบัดนี้ก็ยังรักษาตัวอยู่

ส่วนผู้บังคับบัญชาที่สั่งลงโทษนั้น นางเพ็ญโฉมกล่าวว่า เห็นมารดาบอกว่ามีชื่อ “ผู้กองต้น” ไม่เข้าใจว่าที่ไม่พูดนั้น ผู้พันสั่งว่าไม่ให้พูดอะไร เพราะผู้พันจะเป็นผู้พูดเอง ตนเห็นว่าต้องมีคำตอบให้ครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ชัดเจน และตรงไปตรงมา ถ้าพูดถึงการลงโทษทางวินัยและทางทหารก็เป็นไปตามกระบวนการ แต่เราต้องการลงโทษทางสังคม ในเรื่องการรักษาพยาบาลก็ดูแลอย่างดี รวมทั้งการจัดสถานที่ เบื้องต้นได้ให้เงินมารดา 50,000 บาท โดยผู้พันที่ดูแล ส.ท.ปัญญา เป็นคนดี



อนึ่ง ผู้สื่อข่าว MGR Online ได้พบกับไลน์ของ “ร้อยเอก” รายหนึ่งที่ระบุว่าเป็นผู้สั่งลงโทษ ส.ท.ปัญญา จากการตรวจสอบชื่อไลน์โดยการสืบค้น พบว่าตรงกับ “ร้อยเอก” รายหนึ่ง อักษรย่อ ช. ชื่อเล่น ต. เกิดเมื่อปี 2530 ปัจจุบันอายุเพียงแค่ 29 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ 58 และเข้ารับราชการทหารเมื่อปี 2548 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 19 (ร.19 พัน.3) ค่ายสุรสีห์ ทั้งนี้ พบว่าเป็นนามสกุลเดียวกับนายทหารระดับสูงยศ “พลโท” ในหน่วยงานกองทัพบกอีกด้วย

อ่านประกอบ :

- พ่อ-แม่ นำศพ “ส.ท.ปัญญา เหรียญเงิน” กลับถึงบ้านแล้ว
- แจง “สิบโท” ค่ายสุรสีห์ฮีตสโตรกดับ “ร้อยเอก” ลงโทษวิ่งเรื่องปกติ-ถือว่าออกกำลังกาย
- ทหารบกฉาวอีก! “ร้อยเอก” ค่ายสุรสีห์ซ่อม “สิบโท” ฮีตสโตรกดับ
- "คนดี" ที่ต้องตาย เพราะเป็น "ทหารที่ดี" ไม่ได้ดั่งใจผู้บังคับบัญชา!!?


กำลังโหลดความคิดเห็น