“รับสินบนถึงประหาร” ป.ป.ช. ชี้มูล “ฟันอาญานักการเมือง - ขรก. ท้องถิ่น 53 ราย 24 คดี จาก 19 จังหวัด” เผย ส่วนใหญ่ นักการเมืองท้องถิ่นระดับ อบต. ร่วมเจ้าหน้าที่ “รับสินบน - ปลอมเอกสารใบเสนอราคา - เรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จากร้านค้าหรือคู่สัญญา - เบียดบังเงินโครงการรัฐไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว - นำเงินไปใช้โดยมิชอบ” พบเคส “นายก - ปลัด - หน.แผนกงบ อบจ.ปทุมธานี” ทุจริตสร้างผิดอาญา สร้างระบบประปาในพื้นที่ตัวเอง
วันนี้ (20 มิ.ย.) มีรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบการปรามการุจริตแหงชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่รายงานความคืบหน้าคดีทุจริตของผู้บริหาร รองผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และพนักงานส่วนท้องถิ่น ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ในห้วงเดือน พ.ค.- มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา และสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทราบว่า ได้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ หรือผู้บังคับบัญชา เพื่อลงโทษทางวินัย และอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาแล้ว จำนวน 19 จังหวัด จำนวน 24 คดี ดังนี้
1. จังหวัดปทุมธานี จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายพิชิต หรือ สุพจน์ ชัยสดมภ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (2) นางสิริณัฏฐ์ หรือ สุจรรยา จตุรพรชัย ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (3) นางกัญณัฏฐ์ หรือ ศุภกาญจน์ แสงพงศานนท์ หัวหน้าส่วนแผนและงบประมาณองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี อนุมัติงบประมาณในการก่อสร้างระบบประปา หมู่บ้าน และก่อสร้างศูนย์พัฒนาอาชีพ หมู่ที่ 7 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี บนที่ดินของตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายพิชิต มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (1) และมาตรา 157 (2) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 (2) นางสิริณัฏฐ์ และ (3) นางกัญณัฏฐ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
2. จังหวัดสระบุรี จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายวรัทภพ หรือ อดิศักดิ์ ธรรมรักขิโต ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วน ตำบลดงตะงาว อ.ดอนพุด (2) นายบุญชู สงฆ์โต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลดงตะงาว (3) นายนพปฎล เงินน้ำใย ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลดงตะงาว (4) นางจุฑามาศ ทับเงิน หรือ อารยา ประเสริฐ หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลดงตะงาว พบว่า ปลอมเอกสารใบเสนอราคาบันทึกตกลงการจ้าง สัญญาซื้อขาย และเบิกจ่ายเงิน โครงการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2552 ในการก่อสร้างลานการค้าชุมชน หมู่ที่ 8 ต.ดงตะงาว อ.ดอนพุด จ.สระบุรี ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า 1. ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท 2. ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3. จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นายระวี รุ่งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขนาน อ.เมือง เพชรบุรี ว่า ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนเรียงหินแนวป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลล่วงล้ำคลองโตนดน้อยและทะเล โดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรมเจ้าท่า ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายระวี มีมูลความผิดทางอาญา
4. จังหวัดชัยนาท จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นายสุธน โพธิ์พิทักษ์ หรือ สุทน เม่นตะเภา ประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วน ตำบลไร่พัฒนา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ว่า รับให้ที่ดินโดยไม่มีอำนาจ แล้วนำงบประมาณของทางราชการไปก่อสร้างลานตากผลผลิตทางการเกษตรในที่ดินดังกล่าวโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายสุธน มีมูลความผิดทางอาญา
5. จังหวัดพิษณุโลก จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นายไสว เนื้อสีจัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังวน อ.พรหมพิราม ว่า จัดทำประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสอบคัดเลือกพนักงานจ้าง ไม่เป็นไปตามผลคะแนน เพื่อให้บุคคลอื่นเป็นผู้สอบได้ลำดับที่ 1 แทนบุคคล ที่มีคะแนนสูงสุด ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายไสว มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง หรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา
6. จังหวัดเชียงราย จำนวน 2 คดี
6.1 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายนิคม สวัสดีชัยกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู อ.เมืองเชียงราย (2) นายกษมวัต แซพากู่ หรือ นายณัฐภูมิ พชรอนันต์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (3) นายอิศรศักดิ์ อนันต์ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (4) นายนริศ สุระวัง หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (5) นายทรงวิทย์ วงศ์ลังกา หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (6) นายพีระพนธ์ จันทร์บูรณ์ เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยชมภู (7) นายศรียนต์ ชุ่มมงคล หุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วน จำกัด เพชรล้านนาคอนสตรัคชั่น
ซึ่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายนิคม และ (2) นายกษมวัต มีมูลเป็นการปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 152 (5) และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
(3) นายอิศรศักดิ์ และ (4) นายนริศ มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 (5) นายทรงวิทย์ และ (6) นายพีระพนธ์ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง (7) นายศรียนต์ มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 90 และมาตรา 91
6.2 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายประดิษฐ์ นามลักษณ์ ปลัดเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง เชียงราย (2) นางศรีมอย ชะเอมทอง รองปลัดเทศบาลตำบลป่าอ้อดอนชัย ว่า เรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จากร้านค้าหรือคู่สัญญาของเทศบาล
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายประดิษฐ์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (6) และมาตรา 157 (2) นางศรีมอย มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
7. จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นายทวีพงษ์ หินคำ นายกเทศมนตรีตำบลสุเทพ อ.เมือง เชียงใหม่ ว่า ไม่อนุมัติจ่ายเงินสวัสดิการ เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลให้เจ้าหน้าที่ ตามสิทธิซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายทวีพงษ์ มีมูลเป็นความผิดฐาน กระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วย อำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตาม มาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157
8. จังหวัดลำปาง จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นายพิเดช สุนันตา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองยาว อ.ห้างฉัตร ว่า เบียดบังเงินโครงการ กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น หรือพื้นที่ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายพิเดช มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการ ไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 92 แห่งพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
9. จังหวัดลำพูน จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายปัญญา เขียวธง นายกเทศมนตรีตำบลต้นธง อ.เมือง ลำพูน จ.ลำพูน (2) นายชยพล หรือ ฟ้าใส เสนาธรรม ปลัดเทศบาลตำบลต้นธง (3) นายนพคุณ พรหมพุทธา รองปลัดเทศบาลตำบลต้นธง ว่า เรียกรับเงินโบนัสประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 จากพนักงานเทศบาลและพนักงานจ้างของเทศบาลตำบลต้นธง ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า 5 มาตรา 152 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท 6 มาตรา 149 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต
(1) นายปัญญา มีมูลเป็นการกระทำที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่ง หรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 (7) และมาตรา 157
(2) นายชยพล และ (3) นายนพคุณ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนนายปัญญา กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86
10. จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นางสาวศิริพร เชื้อลิ้นฟ้า หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลหมูม่น อ.สมเด็จ ว่า เบียดบังเงินรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลหมูม่นไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางสาวศิริพร มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (8) และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
11. จังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 คดี
11.1 ร้องเรียนกล่าวหา นายภิญโญ ไทยทองสุขสกุล นายกเทศมนตรีตำบลโนนศิลา ว่า มีส่วนได้เสียในการทำสัญญาเช่าอาคารเพื่อใช้เป็นสำนักงานเทศบาลตำบลโนนศิลา ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายภิญโญ มีมูลความผิด ฐานกระทำการอันต้องห้ามมิให้เป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่เทศบาลเป็นคู่สัญญา หรือในกิจการที่กระทำให้แก่เทศบาล หรือที่เทศบาลจะกระทำ และฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อม เสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2543 มาตรา 18 ทวิและแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 มาตรา 48 จตุทศ (3) และมาตรา 73 และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
11.2 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นางพรศิริ ดีโนนอด หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลคอนฉิม อ.แวงใหญ่ (2) นายประสพ คงทน ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลคอนฉิม อ.แวงใหญ่ (3) นายเกรียงไกร ทับศรี หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบลคอนฉิม ว่า ยักยอกเงินที่เบิกจากคลังเพื่อจ่ายค่าสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ เงินที่จัดเก็บเป็นภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดินและรายได้อื่น ๆ ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นางพรศิริ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 91 (2) นายประสพ และ (3) นายเกรียงไกร มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 91
11.3 ร้องเรียนกล่าวหา นางอุไรวรรณ เลาสูงเนิน หรือ รัดที หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลกุดธาตุ อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น ว่า นำเงินขององค์การบริหารส่วนตำบลกุดธาตุ ไปใช้ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางอุไรวรรณ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 7 มาตรา 148 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต 8 มาตรา 147 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
12. จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย (1) นางอุไรวรรณ ภัทรปิติพล เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 (2) นางสาววิสาขา สิงนวล เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 (3) นางวลัยวรรณ เขยนอก เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 (4) นางไกรมา ศรพระอินทร์ หรือ พิพัฒน์ วิริยาภรณ์ ช่างโยธา 4 (5) นายธีระชัย เทพนอก เจ้าหน้าที่บริหารงานช่าง 6 (6) นายตรีนพ ชื่นชม วิศวกรโยธา 6 ว่า ควบคุมงานและตรวจรับการจ้างโครงการก่อสร้างถนน คอนกรีตเสริมเหล็กไม่เป็นไปตามแบบรูปรายการในสัญญา
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นางอุไรวรรณ (2) นางสาววิสาขา (3) นางวลัยวรรณ (4) นางไกรมา (5) นายธีระชัย และ (6) นายตรีนพ มีมูลความผิดทางวินัยอย่าง ร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
13. จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายบุญช่วย ศิลาไลย นายกเทศมนตรีตำบลพลับพลาชัย อ.พลับพลาชัย (2) นายสมชาย เสกรัมย์ ปลัดเทศบาลตำบลพลับพลาชัย (3) นายสำรวย คะชุนรัมย์ ผู้อำนวยการกองช่าง เทศบาลตำบลพลับพลาชัย ว่า ขุดลอกลำห้วยพลับพลารุกล้ำที่ดินมีโฉนด โดยมิได้ขอความยินยอมจากเจ้าของที่ดินและเป็นการขุดลำห้วยใหม่ มิใช่ขุดลอกลำห้วยเดิม
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายบุญช่วย มีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลย ไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (2) นายสมชาย และ นายสำรวย มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 157
14. จังหวัดมหาสารคาม จำนวน 2 คดี
14.1 ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายวิเชียร อุทรส นายกเทศมนตรีตำบลโกสุมพิสัย อ.โกสุมพิสัย (2) นายปณต หรือ ณพปณต มูลโพธิ์ สัตวแพทย์ ๖ว รักษาการผู้อำนวยการกองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าส่วนงาน รับผิดชอบโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการและศึกษาดูงาน (3) นางสาวสิรินดา พานเมือง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 4 ผู้ตรวจฎีกา (4) นางจงกลณี สุกไพ รักษาการผู้อำนวยการกองคลัง (5) นายปณิธิ วงศ์มาศ ปลัดเทศบาลตำบลหัวขวาง (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเทศบาลตำบลโกสุมพิสัย) ว่า เบิกจ่ายค่าที่พักและค่าอาหารในโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เพื่อฟื้นฟูศักยภาพและส่งเสริมความเข้มแข็งขององค์กรหมู่บ้านเป็นเท็จ
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายวิเชียร มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 (2) นายปณต มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) (3) นางสาวสิรินดา และ (4) นางจงกลณี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (4) (4) นายปณิธิ มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
14.2 ร้องเรียนกล่าวหา นายเชาว์ไชยพงศ์ คำพันธ์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงใหญ่ อ.วาปีปทุม ว่าอนุญาตให้ผู้รับจ้างขุดดินลูกรังในป่าชุมชนดงใหญ่ (โคกอีหลิ่ง) ซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ไปใช้ในการก่อสร้างถนนโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายเชาว์ไชยพงศ์ มีมูลเป็นการกระทำการที่อาจเป็นเหตุให้พ้นจากตำแหน่งหรือเป็นเหตุ ให้ดำเนินการอื่น ๆ จึงส่งเรื่องให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมูลความผิดอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157
15. จังหวัดยโสธร จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายสุริยะ ประวะกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลส้มผ่อ อ.ไทยเจริญ (2) นายคำพงษ์ ทับแสง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลส้มผ่อ ว่า ถอนเงินในบัญชีโครงการเศรษฐกิจชุมชน โดยไม่มีเอกสาร ประกอบการเบิก และนำเงินไปใช้โดยมิชอบ
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายสุริยะ และ (2) นายคำพงษ์ มีมูลเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2546 มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83
16. จังหวัดสกลนคร จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นางรัชดา โยธานัก หัวหน้าส่วนการคลัง องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเหล่า อ.เจริญศิลป์ ว่า เบียดบังเงินขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเหล่า ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางรัชดา มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 161 (9) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91
17. จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา นายจำรัส บุตรดี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลประดู่ อ.สำโรงทาบ ว่า ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยสอนที่โรงเรียนที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยเจ้าหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอัน สมควร และมีคำสั่งพักราชการเจ้าหน้าที่แล้วไม่ดำเนินการต่อสัญญาจ้างเจ้าหน้าที่ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นายจำรัส มีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบล และองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 91
18. จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 2 คดี
18.1 ร้องเรียนกล่าวหา พันโท นายแพทย์ ปริวรรต อุดมศักดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลปากแพรก อ.ทุ่งสง ว่าสั่งการให้ จัดซื้อ จัดจ้างโครงการต่าง ๆ รวม 8 โครงการ โดยวิธีพิเศษ โดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า พันโท นายแพทย์ ปริวรรต มีมูลความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 (10) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91
18.2 ร้องเรียนกล่าวหา นางพรทิพย์ ชุมขำ เจ้าหน้าที่พัสดุ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่า รู้เห็นเป็นใจให้มีการสมยอมกัน ในการเสนอราคาโครงการก่อสร้างต่าง ๆ และก่อสร้างสนามกีฬาในที่ดินสาธารณประโยชน์ “ทุ่งม่วงงาม” โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่จากกระทรวงมหาดไทย
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า นางพรทิพย์ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ มาตรา 162 (1), (4) 9 มาตรา 161 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท 10 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
19. จังหวัดพังงา จำนวน 1 คดี ร้องเรียนกล่าวหา (1) นายภูษิต คงเดิม นายกเทศมนตรีตำบลท่านา อ.กะปง (2) นางสาวอัญชลี พรชัยเจริญ เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 2 เทศบาลตำบลท่านา ว่า อนุมัติให้เบิกเงินค่าที่พักในการเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสัมมนา และจัดงานเป็นเท็จ
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า (1) นายภูษิต มีมูลความผิดฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียหายแก่ศักดิ์ ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1), (4) (2) นางสาวอัญชลี มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
มีรายงานว่า ในกรณี 19 คดีนี้ เข้าข่ายพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 ที่ได้เพิ่มโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ขององค์การระหว่างประเทศ ที่รับสินบน โดยมีโทษเริ่มต้นจำคุก 5 - 20 ปี หรือตลอดชีวิต ปรับ 1 - 4 แสน และโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต.