นายกฯ เปิดศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 7 พันแห่งทั่วไทย ย้ำ ขับเคลื่อนความยากจนในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เปิดตลาดการค้าหลายประเทศ แนะสร้างสินค้าตามภูมิศาสตร์ ชี้ ปฏิรูปอะไรต้องชัดเจน ระวังไม่ให้กระทบ เกิดความร่วมมือ โอดเวลามีน้อย ต้องรื้อปัญหาเก่า วอนอย่าให้ขัดแย้งอีก บ่นไม่อยากทะเลาะกับใคร เผย ทุกอย่างกดดันเยอะ แต่เจตนาบริสุทธิ์ ถ้าเบื่อหน้าขอให้รู้ทำเพื่อชาติ แจงแก้โครงสร้างภาษีให้ทุกคนเสียสละ ปฏิรูปตำรวจต้องให้กำลังใจแก้ไขปัญหาตัวเอง
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธิเปิดศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำตำบล จำนวน 7,424 แห่ง พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมงาน
โดยนายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า วันนี้ต้องกลับมามองภาคการเกษตร และขับเคลื่อนความยากจนให้ครบวงจร ซึ่งสิ่งนี้จะอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของชาติใน 20 ปี ข้างหน้า โดยยึดแนวทางที่ทรงพระราชทานมากว่า 40 ปี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นฐานรากในการพัฒนาและเป็นภูมิคุ้มกัน ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นพื้นฐานสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ควบคู่ไปกับการดำเนินการโดยยึดหลักความรู้คู่คุณธรรม
ทั้งนี้ รัฐบาลได้เปิดตลาดการค้าไปหลายประเทศ ถ้าไม่เปิดเราจะไปขายใคร ราคาก็จะได้อยู่แค่นี้ รัฐบาลต้องเปิดทำการค้า อำนวยความสะดวกโดยมีภาคประชาชนเข้าร่วม ไทยต้องบริหารประเทศแบ่งเป็นภูมิภาค สร้างสินค้าตามภูมิศาสตร์ ถ้าระบุที่มาไม่ได้ ก็ขายไม่ได้ ขณะนี้ก็เร่งจดทะเบียนการค้า จดลิขสิทธิ์ให้ได้ ซึ่งกลุ่มจังหวัดและต้องไม่ทับซ้อนกัน โดยรัฐบาลลงทุนไฟฟ้า น้ำประปาให้ วันนี้ส่วนราชการที่ต้องทำงานร่วมกัน พื้นที่เดียวกันจะของบประมาณอะไร ก็ต้องเสนอมาพร้อมกันให้จบ รวมถึงการต้องเพิ่มรายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
วันนี้ไม่ว่าครู ทหาร ตำรวจ มีหนี้หมด ถ้าไม่มีหนี้แสดงว่าไม่มีเกียรติ ทุกอย่างต้องแก้ไขด้วยตนเอง แต่การจะแก้ไขอะไรก็ต้องอาศัยเวลา จะทำอะไรต้องทำให้เกิดความชัดเจน ต้องไม่สร้างความขัดแย้ง ปฏิรูปอะไรต้องระวังไม่ให้เกิดผลกระทบ ข้าราชการระดับล่างต้องทำให้ชาวบ้านเข้าใจ เกิดความร่วมมือและเห็นด้วย ซึ่งข้าราชการมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งถ้าทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปได้เราก็ภูมิใจ แต่ถ้าทำให้ประเทศถอยหลังเราก็เสียใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราได้ทำอะไรเพื่อแผ่นดินแล้วหรือยัง ไทยจะอยู่ในวันข้างหน้าได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เหมือนที่ผ่านมา ที่ล้วนแต่มีปัญหาทั้งสิ้น ลืมต้นตอของปัญหา ซึ่งถ้าเรายังไม่เข้าใจก็แก้ไปัญหาไม่ได้ ซึ่งจะต้องยึดอริยสัจ 4 ที่ต้องดับทุกข์เพื่อหาหนทาง วันนี้ไทยไม่ได้น้อยหน้าใคร เราต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่อย่างนั้นจะไม่รู้ว่าจะรักชาติกันอย่างไร อะไรไม่ดีก็อย่าทำ ความขัดแย้งก็อย่าให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งรู้ว่ามันยากก็อย่าทำอีก
“วันนี้ก็ให้เวลาผมน้อย แล้วยังต้องมารื้อของเก่า มันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมไม่ได้โทษพวกท่าน ผมโทษตัวเอง อะไรผิดก็โยนมาที่ผมอีกได้ เราต้องเรียนรู้ ไม่ใช่เอาเวลามาทะเลาะกัน ผมไม่อยากทะเลาะกับใครทั้งสิ้น อย่างเรื่องศูนย์ปราบโกง เช้าก็พูดไปแล้ว แต่ก็ยังมาถามอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มาบอกว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ถ้าแก้อะไรไม่ได้แสดงว่าบริหารผิดพลาด ซึ่งตนไม่อยากไปต่อสู้ สู้ไปก็เสียสมอง เดี๋ยวเส้นโลหิตจะแตกเสียก่อน ตนเป็นคนขี้โมโหง่าย แต่ก็ยิ้มไว้เมื่อภัยมา สิ่งที่ตนเคยพูดไว้ว่า ถ้ารู้แล้วจะหนาว คือการแก้ไขปัญหาเสร็จไม่ทันเวลา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหากฎหมาย วันนี้ตนสั่งไป 100 อย่างทำได้ 30 อย่างก็พอใจแล้ว แต่ถ้าทำได้100 เลิศไปเลย นโยบายที่สั่งไป ต้องทำมันให้ได้ ถ้าติดขัดกติกาอะไรก็ขอให้บอก แต่ถ้าไม่บอกแล้วมาติดขัดที่หลังตนเอาเรื่อง
“วันนี้ไม่มีใครรังเกียจผม ที่มาแบบนี้ แต่สนใจว่าผมได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้หรือไม่ คนไทยต้องรักษาสัญญาไว้กับต่างประเทศไม่ใช่พูดแล้วกลับบ้าน วันนี้ต้องช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ แผนปฏิรูปต้องชัดเจนว่าเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็ยุ่งกันไปหมด เวลานี้ทุกอย่างกดดันผมเยอะ ถ้าผมพูดไม่เพราะก็ให้อภัยผมแล้วกัน เพราะผมมีเจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อเดินหน้าประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่เป็นสากล ออกไปพูดที่ไหนผมก็ไม่อายใคร เวลานี้มีใครเบื่อหน้าผมบ้าง ถ้าเบื่อก็ให้ยกมือ แต่ขอให้รู้ว่าผมทำเพื่อพวกเรา อย่าถือสาถ้าโวยวายไปบ้าง เราต้องขับเคลื่อนประเทศให้ได้ด้วยสองมือหนึ่งลมหายใจ วันนี้มาบอกว่าคืนความสุขมาสองปีแล้ว ทำไมไม่ไปซักที อยากบอกว่าเป็นสองปีที่อ่วม เพราะปัญหาเยอะ ไม่ใช่อยากอยู่ก็อยู่ เพียงแต่ต้องการแก้ไขปัญหาและไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็ต้องทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างเรื่องของการปรับแก้โครงสร้างภาษี ก็มีการปรับทุกระบบ ไม่ใช่เป็นเพราะว่า รัฐบาลตูดขาด แต่อยากให้ทุกคนรู้จักการเสียสละ หรือแม้แต่เรื่องการปฏิรูปตำรวจที่โดนว่ามากที่สุดในเวลานี้ อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับคนจำนวนมาก แต่เราต้องให้กำลังใจเพื่อให้เขาแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ถ้าเข้าใจตรงนี้มันก็จบ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินชมนิทรรศการและเดินทางกลับ ซึ่งก่อนเดินทางกลับยังไม่ได้โบกมือให้กับผู้มาร่วมงาน
นายกฯ เปิดศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 7 พันแห่งทั่วไทย ย้ำ ขับเคลื่อนความยากจนในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เปิดตลาดการค้าหลายประเทศ แนะสร้างสินค้าตามภูมิศาสตร์ ชี้ ปฏิรูปอะไรต้องชัดเจน ระวังไม่ให้กระทบ เกิดความร่วมมือ โอดเวลามีน้อย ต้องรื้อปัญหาเก่า วอนอย่าให้ขัดแย้งอีก บ่นไม่อยากทะเลาะกับใคร เผย ทุกอย่างกดดันเยอะ แต่เจตนาบริสุทธิ์ ถ้าเบื่อหน้าขอให้รู้ทำเพื่อชาติ แจงแก้โครงสร้างภาษีให้ทุกคนเสียสละ ปฏิรูปตำรวจต้องให้กำลังใจแก้ไขปัญหาตัวเอง
วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธิเปิดศูนย์เรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำตำบล จำนวน 7,424 แห่ง พร้อมกันทั่วประเทศ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมงาน
โดยนายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า วันนี้ต้องกลับมามองภาคการเกษตร และขับเคลื่อนความยากจนให้ครบวงจร ซึ่งสิ่งนี้จะอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของชาติใน 20 ปี ข้างหน้า โดยยึดแนวทางที่ทรงพระราชทานมากว่า 40 ปี ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นฐานรากในการพัฒนาและเป็นภูมิคุ้มกัน ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นพื้นฐานสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ควบคู่ไปกับการดำเนินการโดยยึดหลักความรู้คู่คุณธรรม
ทั้งนี้ รัฐบาลได้เปิดตลาดการค้าไปหลายประเทศ ถ้าไม่เปิดเราจะไปขายใคร ราคาก็จะได้อยู่แค่นี้ รัฐบาลต้องเปิดทำการค้า อำนวยความสะดวกโดยมีภาคประชาชนเข้าร่วม ไทยต้องบริหารประเทศแบ่งเป็นภูมิภาค สร้างสินค้าตามภูมิศาสตร์ ถ้าระบุที่มาไม่ได้ ก็ขายไม่ได้ ขณะนี้ก็เร่งจดทะเบียนการค้า จดลิขสิทธิ์ให้ได้ ซึ่งกลุ่มจังหวัดและต้องไม่ทับซ้อนกัน โดยรัฐบาลลงทุนไฟฟ้า น้ำประปาให้ วันนี้ส่วนราชการที่ต้องทำงานร่วมกัน พื้นที่เดียวกันจะของบประมาณอะไร ก็ต้องเสนอมาพร้อมกันให้จบ รวมถึงการต้องเพิ่มรายได้ให้เพียงพอกับรายจ่าย ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
วันนี้ไม่ว่าครู ทหาร ตำรวจ มีหนี้หมด ถ้าไม่มีหนี้แสดงว่าไม่มีเกียรติ ทุกอย่างต้องแก้ไขด้วยตนเอง แต่การจะแก้ไขอะไรก็ต้องอาศัยเวลา จะทำอะไรต้องทำให้เกิดความชัดเจน ต้องไม่สร้างความขัดแย้ง ปฏิรูปอะไรต้องระวังไม่ให้เกิดผลกระทบ ข้าราชการระดับล่างต้องทำให้ชาวบ้านเข้าใจ เกิดความร่วมมือและเห็นด้วย ซึ่งข้าราชการมีหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ซึ่งถ้าทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปได้เราก็ภูมิใจ แต่ถ้าทำให้ประเทศถอยหลังเราก็เสียใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราได้ทำอะไรเพื่อแผ่นดินแล้วหรือยัง ไทยจะอยู่ในวันข้างหน้าได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เหมือนที่ผ่านมา ที่ล้วนแต่มีปัญหาทั้งสิ้น ลืมต้นตอของปัญหา ซึ่งถ้าเรายังไม่เข้าใจก็แก้ไปัญหาไม่ได้ ซึ่งจะต้องยึดอริยสัจ 4 ที่ต้องดับทุกข์เพื่อหาหนทาง วันนี้ไทยไม่ได้น้อยหน้าใคร เราต้องไม่ลืมประวัติศาสตร์ชาติไทย ไม่อย่างนั้นจะไม่รู้ว่าจะรักชาติกันอย่างไร อะไรไม่ดีก็อย่าทำ ความขัดแย้งก็อย่าให้เกิดขึ้นอีก ซึ่งรู้ว่ามันยากก็อย่าทำอีก
“วันนี้ก็ให้เวลาผมน้อย แล้วยังต้องมารื้อของเก่า มันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งผมไม่ได้โทษพวกท่าน ผมโทษตัวเอง อะไรผิดก็โยนมาที่ผมอีกได้ เราต้องเรียนรู้ ไม่ใช่เอาเวลามาทะเลาะกัน ผมไม่อยากทะเลาะกับใครทั้งสิ้น อย่างเรื่องศูนย์ปราบโกง เช้าก็พูดไปแล้ว แต่ก็ยังมาถามอีก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้มาบอกว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ถ้าแก้อะไรไม่ได้แสดงว่าบริหารผิดพลาด ซึ่งตนไม่อยากไปต่อสู้ สู้ไปก็เสียสมอง เดี๋ยวเส้นโลหิตจะแตกเสียก่อน ตนเป็นคนขี้โมโหง่าย แต่ก็ยิ้มไว้เมื่อภัยมา สิ่งที่ตนเคยพูดไว้ว่า ถ้ารู้แล้วจะหนาว คือการแก้ไขปัญหาเสร็จไม่ทันเวลา ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การแก้ไขปัญหากฎหมาย วันนี้ตนสั่งไป 100 อย่างทำได้ 30 อย่างก็พอใจแล้ว แต่ถ้าทำได้100 เลิศไปเลย นโยบายที่สั่งไป ต้องทำมันให้ได้ ถ้าติดขัดกติกาอะไรก็ขอให้บอก แต่ถ้าไม่บอกแล้วมาติดขัดที่หลังตนเอาเรื่อง
“วันนี้ไม่มีใครรังเกียจผม ที่มาแบบนี้ แต่สนใจว่าผมได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้หรือไม่ คนไทยต้องรักษาสัญญาไว้กับต่างประเทศไม่ใช่พูดแล้วกลับบ้าน วันนี้ต้องช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ แผนปฏิรูปต้องชัดเจนว่าเป็นอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็ยุ่งกันไปหมด เวลานี้ทุกอย่างกดดันผมเยอะ ถ้าผมพูดไม่เพราะก็ให้อภัยผมแล้วกัน เพราะผมมีเจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อเดินหน้าประเทศไปสู่ประชาธิปไตยที่เป็นสากล ออกไปพูดที่ไหนผมก็ไม่อายใคร เวลานี้มีใครเบื่อหน้าผมบ้าง ถ้าเบื่อก็ให้ยกมือ แต่ขอให้รู้ว่าผมทำเพื่อพวกเรา อย่าถือสาถ้าโวยวายไปบ้าง เราต้องขับเคลื่อนประเทศให้ได้ด้วยสองมือหนึ่งลมหายใจ วันนี้มาบอกว่าคืนความสุขมาสองปีแล้ว ทำไมไม่ไปซักที อยากบอกว่าเป็นสองปีที่อ่วม เพราะปัญหาเยอะ ไม่ใช่อยากอยู่ก็อยู่ เพียงแต่ต้องการแก้ไขปัญหาและไม่ว่ารัฐบาลไหนมาก็ต้องทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างเรื่องของการปรับแก้โครงสร้างภาษี ก็มีการปรับทุกระบบ ไม่ใช่เป็นเพราะว่า รัฐบาลตูดขาด แต่อยากให้ทุกคนรู้จักการเสียสละ หรือแม้แต่เรื่องการปฏิรูปตำรวจที่โดนว่ามากที่สุดในเวลานี้ อยากให้ทุกคนเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับคนจำนวนมาก แต่เราต้องให้กำลังใจเพื่อให้เขาแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง ถ้าเข้าใจตรงนี้มันก็จบ
จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินชมนิทรรศการและเดินทางกลับ ซึ่งก่อนเดินทางกลับยังไม่ได้โบกมือให้กับผู้มาร่วมงาน