MGR Online - “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม” ลั่นไม่ยอมให้ใครมาหมิ่นสถาบันฯ พร้อมส่งปลัดกระทรวง แจงยูเอ็นมีการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 ตามจำเป็นบางกรณี
วันนี้ (11 พ.ค.) ที่ห้องออดิทอเรียม โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการรายงานการทบทวนสิทธิมนุษยชนของประเทศตามกลไก Universal Periodic Review (UPR) ว่า ในวันนี้ เวลา 15.00 น. ตามเวลาประเทศไทยนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย จะรายงานและชี้แจงต่อสมาชิกสหประชาติ (ยูเอ็น) 14 ประเทศ
เรื่อง การทบทวนสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย รอบที่ 2 ในการประชุมคณะทำงานยูพีอาร์แห่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเรื่องนี้เป็นวาระของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ที่เปิดโอกาสให้เราไปชี้แจงเรื่องดังกล่าวตามวาระของยูเอ็น ซึ่งที่จริงแล้วไม่ใช่ว่าเราทำรายงานส่งไปแล้ว จะไม่ไปชี้แจง เพราะเราเป็นประเทศสมาชิกในยูเอ็น เราก็ต้องให้ความเคารพองค์กรที่เราเป็นสมาชิกอยู่ด้วย
“เราพยายามแก้ไขปัญหาบ้านเมืองบนพื้นฐานของบริบทในกรอบปัญหา และไปพูดให้เขาฟังว่าทำไมเราต้องทำอย่างงี้ ผมเชื่อว่า ทุกประเทศจะมีความเป็นสิทธิมนุษยชนเท่าเทียมกันหมด แต่ด้วยความที่เป็นประเทศที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งอะไรที่จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความสงบเรียบร้อยได้มันก็ต้องทำแบบนั้นเสียก่อน แต่อาจจะไม่มีลักษณะความเป็นสากลอยู่ พวกเราก็ทราบกันอยู่ว่าปัญหาก่อนวันที่ 22 พ.ค. 57 คืออะไร สิ่งที่รัฐบาล คสช. พยายามจัดระบบให้สงบเรียบร้อยขึ้นมา มันก็จำเป็นอยู่บ้างที่ข้อกำหนดกฎเกณฑ์ใช้เฉพาะเราเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง มันไม่ได้ทำตลอดไป หลายประเทศก็ทำกัน ท่านลองไปศึกษากฎหมายของหลาย ๆ ประเทศดู มันก็คือความจำเป็นของเฉพาะประเทศนั้น ๆ ไม่ใช่หรือ และประเทศนี้ก็ใหญ่พอสมควรใหญ่มากด้วยซ้ำ” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า นายชาญเชาวน์ ไปชี้แจงต่อยูเอ็นว่าอะไรคือเหตุจำเป็น ต้องไปเล่าความจริง เราไม่สามารถทำให้ประเทศเราพังพินาศลงไปได้ เพราะความไม่สงบเรียบร้อย ใครจะยอมลักษณะอย่างนั้นเล่า แต่เราก็ต้องยอมขัดอะไรบ้างที่เกี่ยวกับสิทธิพื้นฐาน อันนั้นคือความจำเป็นของเรา แล้วมันไปกระทบคนส่วนใหญ่ที่ไหน มันทำให้คนส่วนใหญ่ในประเทศนี้อยู่ได้ไม่ใช่หรือ จึงอยากให้มองในแง่และเจตนาเหล่านี้ มากกว่าการมองตัวกฎหมายบรรทัดเดียวแล้วบอกว่าเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ ซึ่งตนว่ามันไม่ดูแลประเทศชาติอะไรกันเลยหรือ โดยปลัดกระทรวงยุติธรรมต้องไปชี้แจงในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ เราต้องกล้าไปเผชิญ กล้าไปพูดในสิ่งที่สังคมโลก กล้าไปบอกความจริง เราถึงเดินยืดอกเข้าไปเพื่อชี้แจงให้เขารับทราบว่าบ้านเมืองจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพื่อให้บ้านเมืองดีขึ้น
เมื่อถามว่า คสช. ใช้กฎหมายมาตรา 112 ในการจัดการประชาชนที่เห็นต่างในการหมิ่นสถาบันมากเกินไปหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า กฎหมายมันก็จบในตัวของมันอยู่แล้ว ไม่ต้องมาพูดกับตนมาก ตนยอมไม่ได้กับพวกหมิ่นสถาบันฯ รัฐบาลนี้ไม่ยอม สื่อประเทศไทยก็ต้องไปบอกกับเขาบ้างว่าประเทศไทยมีความสำคัญอย่างไร จึงต้องมีกฎหมายมาตรา 112 โดยประเทศเขาก็มีกฎหมายปกป้องผู้นำของเขาเหมือนกัน เราก็มีกฎหมายปกป้องสถาบันฯของเรา เพราะนี้คือประเทศไทย ก็ต้องมีกฎหมายแบบนี้