“ประวิตร” บรรยาย “การขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยด้วยรากฐานความมั่นคง” ขอข้าราชการช่วยดูแล รับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ความมั่นคงล้มเหลว ระบุแม้ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ในทางปฏิบัติพยายามทำให้เป็นประชาธิปไตย ชม “บิ๊กตู่” เสียสละเข้ามาเพื่อให้ประเทศเดินหน้า มีความมั่นคง ถ้าปล่อยไว้ไม่รู้วันนี้จะเกิดอะไรขึ้น
ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ วันนี้ (23 พ.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม บรรยายพิเศษในหัวข้อ “การขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยด้วยรากฐานความมั่นคง” ภายในงานสัมมนาการขับเคลื่อนและปฏิรูปประเทศไทยแบบบูรณาการ ตอนหนึ่งว่า ภาพรวมงานด้านความมั่นคงถือเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ช่วงที่ผ่านมามีความสงบทำให้งานด้านอื่นๆ เดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ งานด้านความมั่นคงมีหลากหลายไม่ใช่แค่การปกป้องอธิปไตย แต่ยังมีเรื่องการดูแลประชาชนเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ ภัยพิบัติ และเรื่องยาเสพติด เป็นต้น ข้าราชการผู้ใหญ่ต้องดูแลประเทศ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความมั่นใจแก่ประเทศชาติได้ ต้องมองว่าประชาชนคือศูนย์กลางเป็นที่ตั้ง ต้องมีความปลอดภัย อยู่ดีกินดี ไม่เหลื่อมล้ำ มีที่อยู่อาศัย และอยู่เย็นเป็นสุข
พล.อ.ประวิตรกล่าวต่อว่า หน่วยงานความมั่นคงดูแลภาพรวมมิติทั้งในประเทศและต่างประเทศต้องมีความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ โดยมีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ดูแลภาพรวมประเทศ มีความสำคัญในการวางแผนให้เกิดความมั่นคง ต้องปฏิบัติร่วมกันระหว่างตำรวจตระเวนชายแดน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ฝ่ายปกครอง และทหารโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับผิดชอบสร้างสภาวะแวดล้อมให้ประชาชนเกิดความปลอดภัย รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายต้องไม่เหลื่อมล้ำ
การดำเนินงานด้านความมั่นคงที่ผ่านมา 2 ปี เราต้องบูรณาการงานทั้งหมดให้ได้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นและมั่นใจสิ่งที่รัฐบาลทำว่าทำเพื่อประชาชน และให้เกิดความเชื่อมั่นต่อต่างประเทศ ส่วนงานปฏิรูปด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศ เรามีผู้ช่วยทูตทหารดูแลเรื่องความร่วมมือทางทหาร เพื่อนำไปสู่ความปลอดภัย ไม่ใช่เฉพาะกลไกของกระทรวงการต่างประเทศเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ มาเลเซีย ลาว พม่า กัมพูชา เป็นประเทศที่เราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เพื่อเป็นรากฐานความมั่นคงที่สำคัญตามแนวชายแดน อย่างไรก็ตาม เราต้องปฏิรูปความมั่นคง ขณะนี้มีความก้าวหน้าโดย สมช.ออกกฎหมายต่างๆ มีความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
สำหรับปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547 ทาง สมช.จะจัดทำแผนแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่ในปี 2558-2560 เพื่อให้เกิดการบูรณาการ พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญงานด้านการข่าว ต้องรู้ว่าข้าศึกเป็นใคร และจะต้องลงไปทำว่าในประเทศยังมีความขัดแย้งอย่างไร ถ้ายังขัดแย้ง เราก็ยังไปไม่ได้ นอกจากนี้ยอมรับว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณแยกราชประสงค์คือเป็นความล้มเหลวของตนที่รับผิดชอบงานด้านนี้เพราะส่วนตัวถือนโยบายการป้องกันมากกว่าการปราบปรามไม่ใช่เกิดเหตุแล้วไปจับกุมแต่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุขึ้น
“ขณะนี้ยอมรับว่าเรายังไม่เป็นประชาธิปไตยในทางพฤตินัย แต่ในทางปฏิบัติเราพยายามทำให้เป็นประชาธิปไตย รัฐบาลปัจจุบันมีความจำเป็น ถ้าเราไม่ทำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่ตัดสินใจให้ประเทศเดินหน้า วันนี้จะเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครรู้ เพราะรัฐบาลในขณะนั้นไม่มีอำนาจบริหารราชการแผ่นดินหมดทุกอย่าง จึงเกิดแบบนี้ นายกฯจึงตัดสินใจเข้ามาดูแล เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า 2 ปีที่ผ่านมา นายกฯ สร้างความเชื่อมั่นให้นานาประเทศ ประชาชน และข้าราชการว่าสามารถทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต้องยอมรับว่านายกฯ เสียสละ ผมไม่ได้มาชื่นชมแต่มันเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่มีนายกฯ เราก็ไม่มีความสุขกันแบบนี้”