xs
xsm
sm
md
lg

เปิด “ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” หลัง ครม.ไฟเขียว คาด อปท.ทั่วประเทศรับอานิสงส์เก็บรายได้ 6.4 หมื่นล้าน/ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เปิดร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ฉบับรัฐบาล คสช. ด้าน รมว.คลังคาด อปท.ทั่วประเทศ รับอานิสงส์จัดเก็บรายได้กว่า 64,000 ล้านบาท/ปี จากเดิมจัดเก็บได้ 30,000 ล้าน/ปี เล็งใช้ทันปี 60 เปิดสูตรจัดเก็บภาษีที่ใช้จัดเก็บจริง เตรียมตรา “พระราชกฤษฎีกา-กฎหมายลูก” ชงกฤษฎีกากำหนดเป็นอัตราก้าวหน้า เพิ่มขึ้นตามมูลค่าของฐานภาษี ชงเก็บบ้านหลังแรกสูงกว่า 50 ล้าน อัตรา 0.05-0.1% ส่วนต่ำกว่า 50 ล้านเว้นภาษี ขณะที่บ้านหลังที่ 2 เก็บล้านบาทแรก 0.03-0.30% ด้านที่ดินว่างเปล่าเก็บในอัตรา 1-3% ส่วนที่อยู่อาศัยที่เป็นมรดกแต่เกิน 50 ล้าน หรือเป็นบ้านหลังที่ 2 จะลดภาษีให้ 50% หากโอนก่อน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ประกาศใช้

วันนี้ (7 มิ.ย.) มีรายงานว่า ภายหลังนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ... แล้ว ซึ่งต่อไปจะเข้าสู่ขั้นตอนการจัดทำกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

“หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนส่งให้สำนักงานคณะกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป ส่วนอัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริงจะต้องมีการออกกฎหมายลูกอีกหลายฉบับ”

ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ... ซึ่งจะนำมาบังคับใช้แทนพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 และพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามร่างกฎหมายที่เสนอนี้ไม่ใช่การเก็บภาษีใหม่ แต่เป็นการปรับปรุงการเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่ตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถจัดเก็บภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมากขึ้น รวมทั้งมีรายได้เพียงพอที่จะนำมาใช้ในการบริหารจัดการในเขตพื้นที่ของตน ก่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษี ช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้เกิดการกระจาย การถือครองที่ดิน และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการถือครองทรัพย์สินได้อีกทางหนึ่ง โดยร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. ยกเลิกพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 และพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 2. ผู้มีหน้าที่เสียภาษี ได้แก่ บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง หรือเป็นผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของรัฐ

3. หน่วยงานจัดเก็บภาษี ได้แก่ เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร องค์การบริหารส่วนตำบล กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา โดยรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้จะเป็นของ อปท.ที่ทำหน้าที่จัดเก็บ 4. ทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี ได้แก่ ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และห้องชุด 5. ฐานภาษี ได้แก่ มูลค่าทั้งหมดของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยคิดคำนวณจากราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และห้องชุดตามราคาประเมินทุนทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน

6. อัตราภาษีที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติ จะเป็นอัตราสูงสุดที่จะจัดเก็บภาษีจากผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยจะจัดแบ่งอัตราภาษีดังกล่าวออกเป็น 3 กลุ่ม ตามลักษณะการใช้ประโยชน์ ในที่ดิน คือ (1) กรณีใช้เพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรม ให้จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 0.2 (2) กรณีใช้เพื่อเป็นที่พักอาศัย ให้จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 0.5 และ (3) กรณีใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ (เช่น พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม เป็นต้น) ให้จัดเก็บภาษีได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 2 ในส่วนของที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดิน กำหนดอัตราภาษีสูงสุดในกฎหมายให้ อปท. เรียกเก็บภาษีสำหรับที่ดินดังกล่าวในอัตราไม่เกินร้อยละ 5 ของฐานภาษี

7. ยกเว้นภาษีให้แก่ทรัพย์สินบางประเภท เช่น สาธารณสมบัติ ทรัพย์สินของรัฐที่ไม่ได้ใช้หาผลประโยชน์ ทรัพย์สินของสถานทูต ทรัพย์สินของสภากาชาดไทย ทรัพย์ส่วนกลางของอาคารชุดและที่ดินสาธารณูปโภคของโครงการจัดสรรที่มิได้ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ทรัพย์สินของเอกชนที่ได้ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ และบ้านพักอาศัยหลักในส่วนที่มีมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท เป็นต้น

8. อัตราภาษีที่ใช้จัดเก็บจริงจะกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา โดยกำหนดเป็นอัตราก้าวหน้าเพิ่มขึ้นตามมูลค่าของฐานภาษี ดังนี้

(1) เกษตรกรรม ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึง ร้อยละ 0.1 ของฐานภาษี

(2) ที่พักอาศัยหลัก ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาทขึ้นไป ตั้งแต่ร้อยละ 0.05 ถึงร้อยละ 0.1 และที่พักอาศัยหลังอื่น ตั้งแต่ร้อยละ 0.03 ถึง ร้อยละ 0.3 ของฐานภาษี

(3) ประเภทอื่น ๆ ตั้งแต่ร้อยละ 0.3 ถึงร้อยละ 1.5 ของฐานภาษี

(4) ที่ดินว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพที่ดินจะจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นทุก 3 ปี ตั้งแต่ร้อยละ 1 ถึง ร้อยละ 3 ของฐานภาษี โดยปีที่ 1-3 จะเก็บร้อยละ 1 ปีที่ 4-6 จะเก็บ ร้อยละ 2 และปีที่ 7 ขึ้นไป จะเก็บร้อยละ 3

9. การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะมีการบรรเทาภาระให้กับเจ้าของบ้านพักอาศัยหลักที่ได้มาจากการรับมรดก ผู้ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์ สถาบันการเงินที่มีอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้ และกิจการสาธารณะ ดังนี้

9.1 ในกรณีที่เจ้าของบ้านพักอาศัยหลักได้รับกรรมสิทธิ์บ้านหลังดังกล่าวมาจากการรับมรดกก่อนที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ จะมีการบรรเทาภาษีให้ โดยการลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างร้อยละ 50 ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย

9.2 ให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีเป็นเวลา 1 ปี ให้กับที่ดินที่อยู่ระหว่างการปลูกสร้างบ้านที่เจ้าของใช้เป็นบ้านของตนเอง

9.3 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 0.05 ของฐานภาษี สำหรับที่ดินที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อจัดทำเป็นโครงการที่พักอาศัยเพื่อขาย ที่นิติบุคคลที่ประกอบกิจการอสังหาริมทรัพย์เป็นเจ้าของ เป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่เจ้าของที่ดินได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน

9.4 ให้จัดเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 0.05 ของฐานภาษี สำหรับอสังหาริมทรัพย์รอการขายที่ได้มาจากการชำระหนี้ของสถาบันการเงิน เป็นระยะเวลา 5 ปี

9.5 ให้ลดภาระภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไม่เกินร้อยละ 75 ของจำนวนภาษีที่จะต้องเสีย สำหรับกิจการสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น

10. นอกจากนี้กฎหมายยังให้อำนาจผู้บริหารท้องถิ่นสามารถขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างประจำจังหวัด หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเพื่อลดหรือยกเว้นภาษีให้กับเจ้าของอาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนได้ เช่น เกิดภัยพิบัติ หรืออาคาร บ้านเรือนเกิดเสียหายหรือถูกทำลาย

ทั้งนี้ ได้กำหนดบทเฉพาะกาลให้กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ และกฎหมายว่าด้วยการกำหนดราคาปานกลางของที่ดินสำหรับการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งถูกยกเลิกโดยร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป สำหรับการจัดเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่ต้องเสียหรือพึงชำระหรือที่ค้างอยู่หรือที่ต้องคืนก่อนที่จะเริ่มมีการบังคับใช้การจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามร่างพระบัญญัติดังกล่าว

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินฯ ดังกล่าวจะสร้างรายได้จัดเก็บเข้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ 64,000 ล้านบาท/ปี จากเดิม 30,000 ล้านบาท/ปี โดยคาดว่าประกาศใช้ให้ทันภายในปี 2560

โดยก่อนหน้านี้ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า โดยหลักการกฎหมายฉบับดังกล่าว จะแบ่งการจัดเก็บออกเป็น 4 ประเภท ประกอบด้วย

ประเภทแรก สำหรับผู้ที่มีที่อยู่อาศัยหลังเดียว ราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท จะได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษี ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป จะเสียภาษีโดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 0.5% ด้านผู้ที่มีที่อยู่อาศัย หรือมีบ้านตั้งแต่ 2 หลังขึ้นไป จะเสียภาษีทันทีตั้งแต่บาทแรก โดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 0.5%

ส่วนประเภทที่ 2 คือ กลุ่มพื้นที่เกษตรกรรม โดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 0.2% กลุ่มที่ 3 สำหรับพาณิชย์ อุตสาหรรม จะเสียภาษีโดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 2% และกลุ่มที่ 4 คือ กลุ่มที่ดินรกร้าง ว่างเปล่าและไม่ใช้ประโยชน์ จะต้องเสียภาษีโดยมีอัตราเพดานสูงสุดที่ 5% สำหรับในปีที่ 1-3 หลังจากนั้น หากไม่ได้มีการทำประโยชน์ในปีที่ 4-6 จะเก็บเพิ่มอีกเท่าตัว



กำลังโหลดความคิดเห็น