“ประยุทธ์” แนะรอสหภาพยุโรปแถลงผลประมง ยันทำให้ดีที่สุดในเรื่องที่สงสัย ปรามอย่าพูดดักเดี๋ยวเขาจะพาลไม่ให้พอดี ชี้คงต้องอาศัยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ถึงพาไทยออกจากถนนขรุขระสู่ทางที่เรียบ แนะสื่อดูมีอะไรที่ต้องแก้ไข บอกนั่งรถใหม่ก็เหมือนเดิม ชี้ปมธรรมกายต้องเคารพกฎหมายและวินัยสงฆ์ ขออย่าปลุกระดม ถ้าตีกันจะไม่ช่วย แต่จะกันคนอื่นมาแจม
วันนี้ (25 พ.ค.) ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 17.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (ไอยูยู) โดยที่สหภาพยุโรป(อียู) ได้ชื่มชมถึงการแก้ปัญหาว่าผลจะออกมาอย่างไร ทางอียูจะแถลงเอง เราไม่อยากพูด แต่พูดเพียงว่า ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุดอะไรที่เขาสงสัย หรืออยากให้เราทำ เราก็ทำ โดยเรื่องไอยูยูวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับผิดชอบและมีศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นผู้ช่วยตามที่ตนได้ปรับโครงสร้างใหม่ โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าข้างบน ซึ่งมีหลายกิจกรรมรวมถึงปัญหาการค้ามนุษย์ที่กำลังขับเคลื่อน แต่อะไรก็ตามที่เป็นกติกาสากล อยากให้กระทรวงเป็นคนรับผิดชอบ เพราะถือว่าเป็นเรื่องรัฐ ต่างชาติจะยอมรับเชื่อถือ โดยเราจะใช้ทหารช่วยข้างล่าง
“เรื่องนี้ต้องรอ ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน อยากให้รอฟังดีกว่า เราไปพูดดักหน้าดักหลังไว้ เดี๋ยวเขาจะพานไม่ให้พอดี เชื่อว่าเขาเห็นความพยายายามเต็มที่แล้ว หลายเรื่องเรามีความก้าวหน้าเพราะเราได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด และเขาก็ชื่นชมเราต่อการแก้ปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แสดงให้เห็นส่วนดีเรามีเยอะ แต่ส่วนที่ยังไม่เสร็จต้องช่วยกันประคับประคองทำให้สำเร็จ อะไรที่ทำให้เกิดผลกระทบ อย่าเพิ่งให้มันเกิดขึ้น กฎหมายคือกฎหมายเจ้าหน้าที่ละเว้นไม่ได้ ถ้าทุกคนทำตามกฎหมาย มารับมาสู้คดี จะกี่ปีก็ไม่ว่าแต่ตนไปเร่งรัดให้ไม่ได้” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์การบริหารประเทศขณะนี้ว่า เปรียบเหมือนการขับรถที่อยู่บนเส้นทางที่ตอนแรกเส้นทางขรุขระ กระโดดบ้าง ไม่ราบเรียบ เพราะมีความขัดแย้งสูง วันนี้ความขัดแย้งถือว่าลดลงไปบ้าง จากเส้นทางขรุขระกว่านำทางไปสู่ถนนเส้นทางข้างนอกที่เรียบกริบ คงต้องอาศัยยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะบางอย่างยังไม่ลืมกัน บางอย่างก็ไม่ปล่อยให้กฎหมายจัดการ มันก็เป็นอยู่อย่างนี้ คุกรุ่นอยู่แบบนี้ จะทำอย่างไรได้ถ้าทุกคนไม่ช่วยกัน สงบสถานการณ์ทุกอย่าง มันก็ต้องเป็นอยู่อย่างนี้ ก็ต้องวิ่งไปบนเส้นทางถนนขรุขระอยู่แบบนี้ แล้วเราก็ไม่ทันโลกที่เปลี่ยนแปลง เวลาเราไม่ได้มากนัก ก็อย่าขัดแย้งกันอีก
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ ตนไม่ใช่นักการเมือง อย่างที่บอกหลายทีแล้ว ถึงใครชื่นชอบอย่างไรก็ตาม ก็กดดันพวกตนเยอะ เพราะเป็นความหวังให้เขา ตนก็จะทำอย่างเต็มที่ ให้ดีที่สุด ขอให้พวกเราช่วยลดความขัดแย้งลง ลดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันให้มากที่สุด ต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ปฏิรูปไปด้วยกัน รวมทั้งข้าราชการ รัฐบาล สื่อมวลชน ต้องปฏิรปตัวเองด้วย อย่าให้ใครบังคับ ต้องดูว่าที่เราทำผ่านๆ มา จนถึงปัจจุบันมีอะไรต้องแก้ไข คงไม่ต้องให้ใครมาบอก ต้องรู้ตัว อาจจะคิดไม่ตรงกันบ้าง ก็ไม่เป็นไร หาทางคิดให้ตรงกัน ตนเข้าใจการทำงานของสื่อ แต่ท่านต้องเข้าใจการทำงานของตนบ้างว่าตนไม่ได้มาจากสถานการณ์ปกติ ต้องเริ่มตรงนี้ให้เจอกันเสียก่อน ถึงจะไปกันได้ไม่ทะเลาะกัน
เมื่อถามว่า วันนี้นั่งรถใหม่เป็นอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้สึกอะไร เหมือนเดิม และไม่ได้ขับเอง ความปลอดภัยก็พอๆ กัน เพราะยี่ห้อก็เหมือนคันเดิม
นายกรัฐมนตรียังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายจับพระธัมมชโย ซึ่งมีกำหนดให้มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 26 พ.ค.นี้ว่า ให้กระทรวงยุติธรรมว่ากันไป กฎหมายว่าอย่างไร ก็ต้องว่าตามนั้น แต่ตนไม่รบกับพระอยู่แล้ว เพราะถือว่าเป็นไทยพุทธ ดังนั้น อย่าทำให้เกิดความแตกแยกในเหล่าพุทธศาสนิกชน เรื่องดังกล่าวมีสองอย่างคือผิดกับถูก ดังนั้นจึงอยู่ที่กฎหมาย และการบังคับใช้ ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ซึ่งพระสงฆ์เอง นอกจากจะต้องเคารพกฎหมายแล้ว ยังมีเรื่องของวินัยสงฆ์ที่ต้องเคารพด้วย เรื่องนี้ยืนยันว่าไม่เข้าข้างใครอยู่แล้ว การบังคับใช้กฎหมายก็มีวิธีการอยู่ และขออย่างเดียวคือ อย่างปลุกระดมให้คนออกมาต่อสู้กัน ถ้าคนต้องสู้กันเรื่องศาสนา ตนจะไม่ช่วยใครทั้งสิ้น โดยต้องปล่อยให้กลไกรัฐทำงาน ถ้าอยากจะตีกันก็ตีไป ตนจะดูรอบนอกให้ เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้ามาตีกันด้วย